ก้าวข้าม‘ธนาธร’ไปแล้ว

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

ก้าวข้าม‘ธนาธร’ไปแล้ว – น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับปรากฏการณ์แฟลชม็อบที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน ในคอนเซ็ปต์ #ไม่ถอยไม่ทน

เมื่อปรากฏว่ามีประชาชนจำนวนมากมารวมตัว เพื่อแสดงออกถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นในสังคมยุคนี้สมัยนี้ และไม่อยากจะทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดร่วม 5 ปีแล้วจริงๆ

ซึ่งแน่นอนว่ามีความพยายามจะอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเกมปลุกระดมของพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ทั้งนี้ จริงๆ แล้วทั้งพรรคอนาคตใหม่ และธนาธร ล้วนเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์นี้

เหยื่อจากกระบวนการยุติธรรม ที่น่าสงสัยถึงมาตรฐานว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เพียงใด

มีอย่างที่ไหน นายกฯ ใส่ชุดสีกากีทุกวันจันทร์ สั่งงานปลัดกระทรวง อธิบดี ยืนกุมเป้ารับรายงาน แต่กลับไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ

รองนายกฯ แจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ตรง ก็กลายเป็นเรื่องปกติไม่ผิด

พรรคการเมืองจัดโต๊ะจีนระดมทุน หน่วยงานรัฐแห่ซื้อโต๊ะ จ่ายเงินกันเป็นว่าเล่น ก็เป็นเรื่องที่ทำได้

ส.ส.ปัดเศษบางคนยุบพรรคตัวเอง แล้วไปสังกัดพรรคอื่นเฉยๆ ตอบไม่ได้ด้วยว่าเป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับไหน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้ว ใครจะขึ้นแทน

รัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่าต้องคดีค้ายา ส.ส.มีคดีรุกป่า รุกที่ส.ป.ก. ก็เงียบกันเป็นเป่าสาก อีกคนมีหมายจับจากศาลฎีกา เดินผิวปากเข้าห้องประชุมสภา ก็สะดวกโยธิน

ขณะที่อีกฝ่ายทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ผิด มีบริษัทสื่อที่ ปิดกิจการไปแล้ว ก็ถูกตัดสิทธิ์การเป็นส.ส.

ราวกับมีความพยายามเล่นงานให้ได้ แม้จะปฏิเสธกันเสียงขรมว่าไม่มีใบสั่งมาจากที่ไหน

แต่ก็ทำให้สังคมเห็นเป็นตัวอย่างว่า ในอนาคตแม้จะไม่ใช่ ‘ธนาธร’ แต่เป็นคนอื่นที่ลงสู่สนามการเมือง หากไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็ยากที่จะไม่ถูกดำเนินการด้วยวิถีทางเหล่านี้

ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ก้าวไปไกลกว่าเรื่องของตัวบุคคลไปเรียบร้อย

แต่เป็นเรื่องของความ ‘ยุติธรรม’ ที่ต้องเร่งแก้ไข

เหมือนภาษิตที่ว่า ‘ยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด’ ยังใช้ได้อยู่ทุกยุคทุกสมัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน