คุณภาพชีวิตในปี 2563
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
คุณภาพชีวิตในปี 2563 – ผ่านการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ทั้งการกลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัว พบปะญาติมิตรแลกเปลี่ยนทุกข์สุข
ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ หรือเข้าสู่โหมดชีวิตจริงกันสักที
ชีวิตจริงที่ปัญหาหลากหลายที่ถาโถมมาตั้งแต่ปี 2562 มาปี 2563 ก็ยังไม่บรรเทาเบาบาง
มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ที่ยิ่งชัดเจนขึ้นว่าความแตกต่างระหว่างฐานะของคนระดับเจ้าสัว และระดับคนธรรมดา นับวันจะถ่างออกมากขึ้นเรื่อยๆ
มีรายงานข่าวของคนที่ต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีพิษเศรษฐกิจออกมาอย่างถี่ยิบ
ล่าสุดก็ที่อุดรธานี ในเหตุการณ์ที่หัวหน้าครอบครัวทนแบกรับภาระหนี้สินไม่ไหว ใช้ไม้ทุบฆ่าเมียลูกแล้วผูกคอตายตาม รวมทั้งสิ้น 4 ศพ
ซึ่งคงไม่ใช่แค่รายสุดท้าย ได้แต่ภาวนาให้เรื่องเหล่านี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว
จะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ให้อดทนผ่านวันเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ด้วยการเก็บรักษาชีวิตเอาไว้เรื่อยๆ
ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
จนต้องตั้งคำถามว่าหลังจากที่มีปัญหาไป รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงไปแก้ปัญหาอะไรให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่อากาศไม่บริสุทธิ์ หายใจลำบาก ภาวะภัยแล้งที่ก่อตัวมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ก็ดูจะหนักหนาสาหัส เกินกว่าที่ระดับภูมิภาคจะดูแล
น้ำในเขื่อนลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย ชาวนาชาวไร่เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
ลามมาถึงคนกรุงเมื่อกระทบถึงการทำน้ำประปาที่มีรสเค็มอย่างรู้สึกได้
จะไม่กินก็คงอดตาย จะซื้อน้ำกินทุกวันทุกมื้อ ก็กระทบต่อเงินในกระเป๋า
สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตของ คนไทยยุคนี้ว่าตกต่ำย่ำแย่ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ หรือกระทั่งเงินในกระเป๋า กลายเป็นเรื่องเกินเอื้อม
ก็ได้แต่เฝ้าว่าอนาคตจะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้าง เพราะผู้สันทัดกรณีก็บอกแล้วว่ารัฐบาลนี้อยู่อีกยาว
หรือจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ตามบอกว่าอะไรที่ไม่เคยได้เห็นในอดีต ก็จะได้พบเจอกันในช่วงนี้
ต้องติดตามด้วยใจระทึก