เมื่อเทศกาล‘วิ่งไล่’มาถึง

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย…รุก กลางกระดาน

เมื่อเทศกาล‘วิ่งไล่’มาถึง – ยังอยู่ในกระแสความคึกคักในการเคลื่อนไหวของประชาชน

ที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายไล่และฝ่ายเชียร์ ก็ได้ออกมาแสดงพลัง ทั้งเดินและวิ่ง โดยหากนับประมาณจำนวนคน ก็พบว่าอยู่ในระดับเดียวกัน

แต่ฝ่ายไหนจะยืนระยะ จะมีแนวทางการต่อสู้ที่อธิบายต่อสังคม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับได้มากกว่ากัน

คงต้องติดตามกันต่อไป

อย่างไรก็ตามยังมีเรื่องที่น่าสนใจที่รอคำอธิบายจากกกต.อยู่อีกเรื่อง

นั่นก็คือข้อสงสัยของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุว่า กกต.เจตนาจงใจยื่นเรื่องยุบพรรคอนาคตใหม่ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ถูกร้องเรียนเรื่องเงินกู้ 10 ล้านบาท

โดยระบุว่ามีเอกสารมติการประชุมของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 13 ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2562

ให้ยกคำร้องดังกล่าว พร้อมมีคำวินิจฉัยว่า เนื่องจากเห็นว่ามีการกู้เงินจริง พรรคการเมืองสามารถกู้เงินได้ ในอดีตพรรคการเมืองอื่นก็กู้ได้ อีกทั้งเงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่เป็นหนี้สิน จึงไม่เข้าข่ายความผิด

แทนที่เรื่องจะจบ กกต.กลับส่งให้สำนักสืบสวนสอบสวน และอนุกรรมการพิจารณา ก็มีมติยกคำร้องเช่นกัน แต่กกต.กลับส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่

แถมยังขยายจากคำร้องตามมาตรา 66 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นความผิดตามมาตรา 72 เพื่อให้เข้าข่ายยุบพรรค

งานนี้นายปิยบุตรยังดำเนินการฟ้องร้องกกต.ต่อศาลอาญาทุจริตฯ เพื่อให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยมีโทษถึงขั้นติดคุก!?

สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับกกต. อย่างรุนแรงจนต้องออกมาชี้แจง และไม่มีขั้นตอนไหนเลยที่บอกว่าเอกสารที่นายปิยบุตรนำมากล่าวอ้างนั้นเป็นเท็จ

ทำได้เพียงขู่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่

ก่อให้เกิดคำถามว่าเหตุใดองค์กรอิสระ ที่ควรจะยึดมั่นในแนวทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด จึงปล่อยปละให้เกิดข้อครหา และความคลุมเครือเช่นนี้

ซึ่งจะส่งผลถึงความเชื่อมั่นในองค์กรอย่างปฏิเสธไม่ได้

ยิ่งหากในอนาคตเกิดการยุบพรรค ตามที่คนเข้าใจว่าเป็นกระบวนการที่มีธงชี้นำ

คราวนี้คงไม่ใช่แค่ ‘ลุง’ คนเดียวแล้วที่จะถูกมาวิ่งไล่

แต่จะเป็นใครบ้าง คงเดากันไม่ยากเท่าใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน