ทิ้งหมัดเข้ามุม

รัฐบาลคสช.อยู่ในอำนาจมาเกือบ 2 ปีครึ่ง

ถึงช่วงเวลาพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก

เรื่องที่เมื่อก่อนตอนรัฐประหารเข้ามาใหม่ๆ ไม่เป็นเรื่อง

อยู่มาอยู่ไปตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ขยายวงรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง

ตั้งแต่เรื่องฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ตามด้วยเรื่องบริษัท คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่ดันไปโผล่อยู่ในค่ายทหาร

ล่าสุดทัวร์อโลฮา ฮาวาย มูลค่าเกือบ 21 ล้าน

โดยเฉพาะในโลกสังคมออนไลน์เม้าธ์กันไฟลุก เรื่องกุ๊กๆ กิ๊กๆ ส่วนตัวก็ไม่เว้น

บ้างมองในแง่ดี เอกสารตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เล็ดลอดออกมาจากเว็บไซต์สำนัก งานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

เป็นเรื่องปกติของรัฐบาลต้องการแสดงความโปร่งใสให้ใครก็ตามสามารถตรวจสอบได้

ตามคอนเซ็ปต์ “เปิดไฟไล่โกง” ก่อนไล่คนอื่นก็ต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ก่อน

อีกกระแสในแง่ร้ายก็ว่าเป็นการปล่อยข้อมูลเพื่อ “เอาคืน” กันหรือไม่

ถึงเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการนายก รัฐมนตรีจะเป็นเว็บไซต์สาธารณะ ใครก็คลิกเข้าไปอ่านได้

แต่ในใจลึกๆ เชื่อว่าน่าจะมีคนใน “ชี้เป้า” ให้คนนอกนำมาขยายผล

เหมือนที่ “ตั้วเฮีย” พูดเป็นปริศนา

“คิดว่าเขาตั้งใจจะเล่นงาน”

อีกข้อสังเกตน่าสนใจคือตั้งแต่มีเรื่องทัวร์อโลฮา ฮาวาย ปูดออกมาในโซเชี่ยลออนไลน์

กระแสเรื่องฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา กระแสเรื่องบริษัท คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น

ก็ค่อยๆ ถูกกลืนหายไปเฉกเช่นคลื่นกระทบฝั่ง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มองว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

เป็นเรื่องปกติของผู้มาจากการยึดอำนาจที่ช่วงท้ายจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อย่าไปแปลกใจ

ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินตามรอยประวัติศาสตร์

ยิ่งอยู่นานข้อมูลเหล่านี้ยิ่งเล็ดลอดออกมา

ตัวอย่างเช่นข้อมูลตัวเลขค่าอาหารเที่ยวบินนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จำนวน 1.7 ล้านบาท เป็นต้น

ถึงแม้หลายคนเชื่อว่าทุกเหตุการณ์จะเดินตามรูปแบบ “ราชภักดิ์โมเดล”

แต่อีกด้านหนึ่งก็จะเพิ่มความขรุขระต่อเส้นทาง “ว่าที่” นายกฯ คนนอกอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน