อนาคตพปชร.ในมือบิ๊กป้อม : คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย…รุก กลางกระดาน

กลับมาสู่โหมดของการเมืองเข้มข้นอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
โดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับอานิสงส์จากการยุบพรรคอนาคตใหม่ การย้ายสังกัดของพลพรรคงูเห่า
ส่งผลให้เสถียรภาพของรัฐบาล และพรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ดีขึ้นเป็นลำดับ
แต่กระนั้นภายในพรรคก็ไม่ได้ราบรื่น เมื่อผู้คุมพรรคตัวจริงอย่าง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะทวงเก้าอี้หัวหน้าพรรคคืน
แม้ฝ่าย 4 กุมาร ที่คุมเก้าอี้หัวหน้าพรรคอย่างอุตตม สาวนายน และเลขาธิการพรรค อย่างสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะพยายามเดินเกมทุกด้าน ทั้งบนดินและใต้ดิน
แต่ก็ดูจะไม่สามารถทัดทานได้สำเร็จ
เนื่องก็เพราะ ‘ต้นทุน’ ที่จะใช้ต่อสู้ในศึกครั้งนี้ ไม่ได้มีมากมายเหมือนที่คาดคิดไว้
ไม่ว่าจะเป็นผลงานด้านเศรษฐกิจ ที่ดูแลกันมากกว่า 6 ปี
แต่ผลสำเร็จกลับน้อยยิ่งกว่าน้อย กระทั่งก่อนโควิดระบาด ก็ย่ำแย่
ยิ่งเจอโควิดระบาด นี่แทบไปไม่เป็น ระบบเศรษฐกิจพังทลาย แม้กระทั่งการแจกเงินเยียวยา ที่แจกไปโดนด่าไป จนคนหมดศรัทธากันทั้งบ้านทั้งเมือง
ไม่รวมกับความพยายามสร้างภาพว่าไม่ใช่นักการเมืองโกงกิน เป็นนักวิชาการใสสะอาด
สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน ล้วนแต่อยู่ใน ‘ครอก’ เดียวกันทั้งนั้น
และที่มองกันข้ามช็อตไปมากกว่านั้น ก็คือเมื่อปรับผู้บริหารพรรคแล้ว ในส่วนของครม.จะทำอย่างไร
ซึ่งก็ไม่แปลกหากจะถูกปรับเปลี่ยน เพราะที่บุคคลเหล่านี้ได้เป็นรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่เพราะความสามารถ แต่เป็นเพราะหัวโขนที่มีอยู่ในพรรคต่างหาก
แต่สิ่งที่เป็นงานหนักของบิ๊กป้อม ก็คือจะเอาใครมาทำงาน โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรี จะใช้คนหน้าเดิมที่รู้ไส้รู้พุงกันอยู่ หรือจะมีบิ๊กเนม บิ๊กเซอร์ไพรส์ ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ
แล้วประชาชนจะได้อะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้
เพราะหากคงสภาพมาตรฐานเดิมที่เป็นอยู่ โอกาสจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านเมื่อการเลือกตั้งมาถึง
ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสเสียเลย!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน