รัฐบาลการ์ดตก – การชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอกและกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยหรือ สนท. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา
ตอนแรกคิดน่าจะมากันแค่หลักร้อยที่ไหนได้ถึงเวลาจริงมากันเป็นหลักพัน
ช่วงพีกสุดข่าวรายงานว่า 3,000 คน ทั้งที่นัดชุมนุมล่วงหน้าแค่ 2 วัน
ไม่ถึงกับมืดฟ้ามัวดินแต่ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากันขนาดนี้นับว่าผิดคาดหมายทั้งฝ่ายแกนนำจัดชุมนุม และฝ่ายผู้ถืออำนาจ
ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 3 ข้อคือ หยุดคุกคามประชาชน ยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขีดเส้นคำตอบภายใน 2 สัปดาห์
ทั้งหมดเป็นข้อเรียกร้องเดิมแต่การยกขึ้นมาตอกย้ำสอดรับอารมณ์คนในสังคมส่วนใหญ่ที่เบื่อหน่ายสุดทนกับรัฐบาล
การชุมนุม 18 ก.ค. ยังเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลการ์ดตกจากปัญหาโควิด จนโดนชาวระยอง ผู้ประกอบการห้างร้าน ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านค้า รีสอร์ต โรงแรม ฯลฯ รุมสหบาทา
ในจังหวะสถานการณ์การเมืองภายในรัฐบาลก็การ์ดตกไม่แพ้กัน
รัฐมนตรีเศรษฐกิจ 4 คนยกทีมลาออก เพราะทนแรงบีบจากพรรคแกนนำรัฐบาลไม่ไหว
ภาระหนักจึงตกอยู่กับนายกฯต้องเสาะหาทีมใหม่มาแทน
ข่าวร้ายคือคนที่ได้รับติดต่อทาบทามตามที่มีชื่อปรากฏเป็นข่าว
บางคนตอบปฏิเสธทันควันบางคนอิดออดแบ่งรับแบ่งสู้
สรุปคือเอาเข้าจริงๆไม่มีใครอยากมาเพราะรู้ว่าต้องมาแบกภาระหนักกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจหลังโควิดมีโอกาสเปลืองตัวสูงมาก
ท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤตโควิดเศรษฐกิจการเมืองทับซ้อนไปมา
ผู้นำรัฐบาลคือหัวใจสำคัญนอกจากต้องมีความรู้ความสามารถมีทีมงานรัฐบาลที่ดียังต้องเป็นศูนย์รวมใจประชาชนในสังคมถึงจะนำพาประเทศฝ่ามหาวิกฤตไปได้
ไม่ใช่เก่งแต่ใช้อำนาจคุกคามประชาชนคอยหาเรื่องปลุกปั่นสร้างความหวาดกลัวให้สังคม
เมื่อใดบริหารประเทศผิดพลาดแทนที่จะแก้ไขที่ตัวเองกลับโทษแต่คนอื่น
กับรัฐบาลแบบนี้ข้อเรียกร้อง ‘ยุบสภา’ จึงไม่เกินกว่าเหตุแต่อย่างใด