เริ่มที่สกัดโควิด จบที่ม็อบการเมือง – ไม่น่าแปลกใจหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผอ.ศบค. จะเห็นชอบกับข้อสรุปศบค.ชุดเล็ก

ที่เสนอต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือนคือตลอดเดือนส.ค.

เป็นการต่อครั้งที่ 4 หลังประกาศ ใช้มาตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ด้วยเหตุผลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด

ถึงตอนนี้สถานการณ์โควิดดีขึ้นมาก ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศเกือบ 2 เดือน

หลายคนคาดหวังเดือนก.ค.จะเป็นจุดสิ้นสุดพ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วยเช่นกัน

แต่แล้วก็มีการยกเหตุการณ์ทหารอียิปต์ที่ จ.ระยอง ขึ้นมาเป็นข้ออ้างความจำเป็นที่ยังต้องคงพ.ร.ก.เอาไว้เพื่อป้องกันการระบาดรอบสอง

ซึ่งเป็นข้ออ้างสวนทางความเป็นจริงที่ว่า

ผลตรวจประชาชนกลุ่มเสี่ยงเกือบ 7 พันคน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่ คนเดียว

เป็นเครื่องยืนยันว่าเหตุการณ์ที่ จ.ระยอง ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่บางฝ่ายพยายามปลุกปั่น

เป็นเครื่องยืนยันว่าความตื่นตระหนกไม่ได้เกิดจากสื่อมวลชน

แต่เกิดจากการปั่นของ ศบค.และรัฐบาล ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา

ซึ่งทุกครั้งก็จบลงตรงการต่ออายุพ.ร.ก. ฉุกเฉิน

แน่นอนว่าความเสี่ยงต่อการระบาดรอบ 2 นั้น ยังมีอยู่ในทุกช่วงเวลาตราบใด ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

คาดการณ์กันว่ากว่าจะทดลองวัคซีนสำเร็จ นำมาใช้ได้อย่างเร็วก็กลางปีหน้า

ถามว่ารัฐบาลจะต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนั้นหรืออย่างไร

ประชาชนไม่ยอมแน่ ทางออก ดีที่สุดตอนนี้คือการคืนชีวิตปกติให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด หลังจากตกอยู่ในหลุมกับดักความกลัวที่รัฐบาลและศบค.ขุดขึ้นมา

คืนชีวิตปกติให้ประชาชน รัฐบาลทำได้ง่ายด้วยวิธีการอย่างแรกคือ ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วหันมาใช้กฎหมายปกติอย่างพ.ร.บ.โรคติดต่อควบคุมโควิด

เว้นเสียแต่ต้องการเปลี่ยนเจตนา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากใช้ควบคุมโควิด

มาเป็นควบคุมแฟลชม็อบที่กำลังขยายวงไปทั่วประเทศ

เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ รัฐบาล ไม่ต้องตอบก็ได้

เพราะการกระทำชัดเจนกว่าคำพูดอยู่แล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน