แค่เกมถ่วงเวลา – เผาไหม้ราวกับไฟลามทุ่ง และมีท่าทีเอาว่าจะลามถึงตัวรัฐบาลในไม่ช้า
สำหรับการชุมนุมของเหล่านิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ เพื่อส่งข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลักๆ ก็มีอยู่ 3 ข้อ นั่นก็คือ การหยุดคุกคามประชาชน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ให้มีความเป็นประชาธิปไตย และยุบสภาเลือกตั้งใหม่
ง่ายๆ ชัดๆ เช่นนี้!??
ต่อให้มีปัญหาเรื่องอายุ หลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง ก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก ไม่ต้องไปตั้งกมธ.รับฟังปัญหาอะไรให้มากความ สิ้นเปลืองงบประมาณ
หรือมองในทางร้ายที่สุด ก็คือ เตะถ่วงเวลาให้เนิ่นนานออกไป ให้พลังแห่งการต่อสู้มอดดับลง เพื่อกรุยทางให้รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ ที่พวกตัวเองสนับสนุนช่วยกันเลือกให้อยู่ได้ต่อไป
และคอยหาเศษหาเลย เก็บผลประโยชน์ที่ตกเบี้ยบ้ายรายทาง ตอบสนองความต้องการของตัวเอง
ไม่ใช่เรื่องที่มองออกได้ยากแม้แต่น้อย
เหมือนกรณีที่ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน
ที่เริ่มทำงานศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ตั้งแต่ปลายปี 2562
ใช้เวลาเกินครึ่งปี ถึงซาโตริ ได้ข้อสรุปว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เสียก่อน
ทั้งที่ใครๆ ก็รู้ว่ามาตรา 256 ก็คือมาตราที่กำหนดขั้นตอนการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ออกแบบไว้พิสดารพันลึกให้แก้ไขได้ยากแสนเข็ญ
การเริ่มต้นแก้ไขก็ต้องเริ่มที่ตรงนี้อยู่แล้ว!??
ทำไมเรื่องที่ง่ายดายเช่นนี้ กมธ.ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิถึงมองไม่ออก ต้องใช้เวลาถึง 7 เดือน
แล้วพอมามีม็อบนักศึกษา ก็ใช้มุขเดิม ขอตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาอีกครั้ง
อ้างตั้งใจทำงานจริง ไม่ใช่แค่พิธีกรรม เพื่อปกป้องรัฐบาล
จะพูดก็พูดไป แต่จะให้คนเชื่อคงเป็นไปได้ยาก เพราะแต่ละคนที่เห็นหน้าเห็นตา ตีหน้าเศร้าอ้างความจริงใจ
ก็ยกมือชูจั๊กแร้โหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกฯกัน ทั้งนั้น
เป็นอีก 1 กลไกที่อุ้มชูการสืบทอดอำนาจ มาวันนี้กลับอ้างความเป็น กลาง
ใครเขาจะเชื่อ ก็ในเมื่อชาวบ้านเขากินข้าว ไม่ได้กินหญ้า!??