แก้รัฐธรรมนูญ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล – ภายใต้ 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่มนิสิตนักศึกษา
ให้รัฐบาลยุติการคุกคามประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา
กรณีนายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาคแถลงหลังการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ของสภาผู้แทนราษฎร
ถึงมติเห็นพ้องต้องกันของที่ประชุมว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น
มองผิวเผินอาจนับเป็นสัญญาณดี
กล่าวถึงมาตรา 256 คือตัวล็อกสำคัญทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
การแถลงของนายพีระพันธุ์ในฐานะประธานกรรมาธิการฯยังแสดงท่าทีเปิดกว้างด้วยว่าหากต้องยกร่างใหม่ทั้งฉบับ
ก็อาจนำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือส.ส.ร.เพื่อมายกร่างแก้ไข
ด้านหนึ่งจึงดูเหมือนเป็นการตอบรับข้อเรียกร้องของกลุ่มนิสิตนักศึกษา
แต่ถามว่านิสิตนักศึกษาจะพอใจคำแถลงของนายพีระพันธุ์ถึงขั้นยุติความเคลื่อนไหวทั้งหมดเลยหรือไม่
คำตอบก็คือไม่
เพราะไม่เพียงข้อเรียกร้องอีก 2 ข้อ ให้ยุติการคุกคามและยุบสภายังไม่ได้รับการตอบสนอง
ที่สำคัญทั้ง 3 ข้อเป็นการเรียกร้องต่อรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโดยตรง
ไม่ได้เรียกร้องต่อสภาหรือคณะกรรมาธิการใดๆ
นั่นเพราะไม่ใช่มีแต่พ่อแม่ผู้ปกครองเท่านั้นที่รู้
เยาวชนนิสิตนักศึกษาหรือพูดอีกอย่างก็คือทุกคนในประเทศไทยต่างรู้ว่าผู้มีอำนาจเหนือสภาเหนือกรรมาธิการชุดใดๆแท้ที่จริงคือแกนนำคสช. แกนนำกองทัพ
นายพีระพันธุ์เองก็ไม่ได้มีแต่ตำแหน่งประธานกรรมาธิการศึกษาฯแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบโดดๆ
ยังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
แถมนายพีระพันธุ์พูดถึงการนับ 1 แก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เองด้วยว่า
หากสภาเห็นชอบตามรายงานของกรรมาธิการก็จะส่งต่อให้รัฐบาลพิจารณาขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะแก้ไขหรือไม่หากรัฐบาลไม่แก้เราก็ทำอะไรไม่ได้
ขึ้นต้นมาเสียดิบดีสุดท้ายก็แล้วแต่รัฐบาล
ฉะนั้นการที่นิสิตนักศึกษาขยายวงชุมนุมกดดันใส่ผู้มีอำนาจโดยตรง
จึงถูกต้องแล้ว