มองไปที่อนาคต – ยังคงเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจ สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน นักศึกษา ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่นอกจากลุกลามไปในทุกภาคส่วนของประเทศ ยังมีการยกระดับจากกลุ่มเยาวชนปลดแอก มาเป็นคณะประชาชนปลดแอก
เพิ่มแนวร่วมให้มากขึ้น ไม่ให้มีแค่เฉพาะนักเรียนนักศึกษา แต่หมายถึงทุกภาคส่วนที่อัดอั้นตันใจ ก็สามารถมาร่วมขบวนการชุมนุมเรียกร้องได้เช่นกัน
ให้เป็นเรื่องส่วนใหญ่ของคนในประเทศ ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่กลุ่มไหนกลุ่มหนึ่ง
ทั้งนี้ก็มีการวิเคราะห์กันว่าจริงๆ แล้วการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและประชาชนที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงการขับไล่รัฐบาล
แต่มีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น!??
ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องลับอะไร เพราะในการชุมนุมเยาวชนและนักศึกษาก็ประกาศไว้แล้วชัดเจน
นั่นก็คือต้องการ ‘อนาคต’ ที่ดีกว่าทุกวันนี้
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็คือคนที่เติบโตมากับระบอบประยุทธ์ มาตั้งแต่การรัฐประหาร 2557 มาถึงทุกวันนี้ก็ 6 ปี
คนที่เรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ก็เท่ากับว่าตลอดชีวิตมัธยม 6 ปีต้องเผชิญกับเรื่องเหล่านี้มาตลอด
แล้วมันอดรนทนไม่ได้ ถ้าต้องเติบโตไปเจอสภาพการณ์เช่นนี้ ถูกสังคมบังคับให้โตแบบบอนไซ
ไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากเนื่องจากทรัพยากรถูกผูกขาดเอาไว้โดยคนกลุ่มหนึ่ง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเหล่านี้จะออกมาถามหา ‘อนาคต’ ของตัวเองในรูปแบบที่แตกต่างกัน
จริงๆ แล้วหากอยากให้กระบวน การเคลื่อนไหวพวกนี้ยุติลงไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแค่ยอมรับว่าอะไรกันแน่ที่เป็นปัญหา อย่ากระอักกระอ่วนที่ต้องหันหน้ามาพูดความจริง
ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมา และพยายามเหนี่ยวรั้ง ‘อดีต’ ไว้นั้น มันไม่ได้ส่งผลดีอะไร
โลกในปัจจุบันเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ ที่คนรุ่นเก่าอย่างเราๆ ทำได้เพียงเฝ้าดูและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
หากทำได้ ก็เท่ากับการยอมรับความจริง และมองเห็นอนาคตร่วมกันว่าจะเป็นอย่างไร
แล้วจะลดความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นได้อีกมากเลยทีเดียว