ชุมนุมใหญ่16ส.ค. – อุณหภูมิการเมืองร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

จากจุดเริ่ม ‘เยาวชนปลดแอก’ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ซึ่งถือกำเนิดพร้อม 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ให้หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา

ทั้งเสมือนเป็นการจุดประกายการชุมนุมแฟลชม็อบให้กับบรรดากลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา กระจายไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ท่ามกลางเสียงดูหมิ่นดูแคลน บ้างเรียกม็อบมุ้งมิ้ง บ้างเรียกม็อบฟันน้ำนม บางคนไล่ให้กลับบ้านช่วยแม่ล้างจาน

กลุ่มเยาวชนปลดแอกไม่เพียงไม่ย่อท้อ กลับยกระดับตัวเองขึ้นเป็นกลุ่ม ‘ประชาชนปลดแอก’ หรือฟรี พีเพิล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม

ประกาศดีเดย์นัดชุมนุมใหญ่วันอาทิตย์ 16 สิงหาคม ณ สถานที่เดิมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

กล่าวกันว่าเหตุการณ์เจ้าหน้าที่จู่โจมจับกุมนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก สองนักกิจกรรมทางการเมืองแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เนื่องจากไม่มีการออกหมายเรียกก่อนตามขั้นตอนปกติ

คือการส่งสัญญาณสวนข้อเรียกร้องหยุดคุกคามประชาชนแบบชัดเจน

แม้ก่อนหน้านี้ข้อเรียกร้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่อันจะนำไปสู่การยุบสภาในท้ายที่สุด

เบื้องต้นจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลและกลุ่มการเมืองในเครือข่าย แม้แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็ไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้าน

ทั้งหมดถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

แต่แล้วเหตุการณ์เจ้าหน้าที่จู่โจมจับกุม‘อานนท์-ภาณุพงศ์’ ก็เข้ามาเป็นตัวพลิกผันสถานการณ์จากเบาเป็นหนัก

หลายคนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองนับจากนี้จะรุนแรงจนบานปลายหรือไม่

อยู่ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต่อกรกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยวิธีการอย่างไร

การคุกคามใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนนักศึกษา รวมถึงการจับขังดำเนินคดีอย่างรวบรัดตัดตอนเป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมีแต่เสียกับเสีย เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก เจ้าหน้าที่รัฐรังแกประชาชน

ไม่ต่างจากการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ

ช่วยเรียกแขกเติมความร้อนแรงให้การชุมนุม 16 สิงหาคมนี้ อีกต่างหาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน