เรือดำน้ำใส่เกียร์ถอย – ได้ข้อสรุปไปแล้วสำหรับการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ ที่สุดท้ายก็ทานกระแสไม่ไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งใส่เกียร์ถอย
ถอนเรื่องออกจากกมธ.งบประมาณให้ไปว่ากันใหม่ปีหน้า
แต่กว่าจะถอยได้ก็ต้องเจรจากับประเทศจีนให้เรียบร้อย ยืนยันว่าปีหน้าเอาแน่ พร้อมจ่ายตามที่รับปากเอาไว้
จากที่จะให้เพื่อนบ้านเกรงใจ เลยต้องไปเกรงใจพี่ใหญ่อย่างจีนแทน จนคนก็สงสัยกันว่าแล้วประชาชนของประเทศนี้ คงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรกันมาก
จะว่าดีก็ดี เพียงแต่เสียดายอยู่นิดหน่อยที่อดเห็นพลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศกร้าวจะคว่ำญัตติซื้อเรือดำน้ำ จนกระทั่งหัวหน้าพรรค อย่างจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคต้องออกมาติดดิสก์เบรกพวกตัวเองจนหัวทิ่ม บอกว่าอย่าใจร้อนต้องค่อยๆ คุยกันก่อน
ถือว่าโชคดีไปที่ประชาธิปัตย์ไม่ต้องแสดงจุดยืนต่อสาธารณชน เพราะเกรงว่าจะสวนทางกับที่เคยประกาศ
จนกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีสมญาว่า ‘ดีแต่พูด’ ซึ่งก็คงติดตัวไปจนวันตาย
อย่างไรก็ตามเรื่องการเมืองก็เป็น ส่วนหนึ่ง
แต่อีกด้านหนึ่งก็คือเรื่องยุทธศาสตร์ประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ ที่จำเป็นต้องพิจารณาว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็นกับประเทศหรือไม่
ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพเรือที่จะต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจว่าเรือดำน้ำนี้มีประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศอย่างไร
ต่อยอดเพื่อปากท้องของชาวบ้านอย่างไร
ไม่เช่นนั้นก็อาจเข้าใจผิดไปว่าจุดประสงค์เป็นเรื่องของคอมมิสชั่นสำหรับคนกลุ่มเล็กๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อการแถลงครั้งล่าสุดของกองทัพเรือ แทนที่จะเน้นไปเรื่องเหล่านี้ กลับสร้างวาทกรรมทางการเมืองด้วยการไปเปรียบเทียบกรณีจำนำข้าวในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ซึ่งอาจลืมไปว่าโครงการจำนำข้าว แม้จะขาดทุน แต่ก็เป็นจุดประสงค์ของโครงการอยู่แล้ว เพื่อดูแลประชาชนให้ได้ลืมตาอ้าปาก
มีคนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับที่กองทัพเรือชี้แจง
และในอนาคตหากยังยึดแนวทางเช่นนี้ต่อไป ปีหน้าก็ไม่รู้ว่าโครงการซื้อเรือดำน้ำจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหรือไม่
อาจจะวืดอีกปีก็เป็นได้!??