คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย…เภรี กุลาธรรม
ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้เป็นไปได้ 2 ทาง หากดูจากการฟื้นตัวในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ประเมินไว้
แต่มองไปข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเดิมคาดว่าในปีนี้จะอยู่ที่ 8 ล้านคน แต่ตัวเลขทางการคาดการณ์จะอยู่ที่ 6.7 ล้านคน หรือหายไปประมาณ 1.3 ล้านคน กระทบจีดีพีประมาณ 0.5%
จากข้อมูลพบว่าเศรษฐกิจครึ่งปีแรกติดลบ 7%
ในเดือนนี้ แบงก์ชาติจะปรับประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ ในส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับลดลงแน่นอน แต่คาดว่าต้องใส่ปัจจัยเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ปรับตัวดีขึ้นด้วย จึงยังบอกไม่ได้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือแย่ลง
ปัจจัยสำคัญที่สุด คือการระบาดรอบ 2 จะเกิดขึ้นหรือไม่
แบงก์ชาติชี้ด้วยว่า ที่ต้องให้ความสำคัญคือการขยายตัวของเศรษฐกิจของปี 2564 เพราะมีความเสี่ยงสำคัญจะสูงกว่า ปีนี้
โดยเฉพาะหากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาไม่ได้ ก็จะได้เห็นสถานการณ์เศรษฐกิจของต่างประเทศฟื้น แต่ประเทศ ไทยไม่ฟื้น
ดังนั้นรัฐบาลและประชาชนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเลขการระบาดของโควิด-19 ที่ไม่ใช่ตัวเลข 0 ราย ที่ผ่านมาหลายประเทศยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมากต่อวัน และอยู่กับสิ่งนั้นได้ กิจกรรมเศรษฐกิจจึงเป็นไปตามปกติ
ขณะที่ประเทศไทย หากเกิดระบาดอีกครั้ง และยอมให้กิจกรรมต่างๆ หายไปเลยเหมือนก่อนหน้านี้ ก็จะกระทบหนัก
จึงต้องหาวิธีเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ภาครัฐต้องมีวิธีให้ความมั่นใจ เพราะไม่รู้สถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไหร่
สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทย อีกครั้ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง
เพราะหากเกิดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย รอบสอง จากการเปิดรับนักท่องเที่ยว ก็อาจทำให้ประเทศกลับมาลำบากอีกครั้ง
ในปี 2564 แบงก์ชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16 ล้านคน ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดไว้ที่ 12 ล้านคน
สะท้อนว่าปีหน้าความเสี่ยงสำคัญจะสูงกว่าปีนี้ หากนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาไม่ได้
แบงก์ชาติประเมินอย่างนี้ รัฐบาลจะเตรียมการรับมืออย่างไร?