คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญอีกบทสำหรับการเมืองไทย สำหรับการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนทีหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ที่จัดโดยกลุ่มนักเรียนเลว ภายในคอนเซ็ปต์ #หนูรู้หนูมันเลว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ที่แสดงให้เห็นว่าคงถึงจุดที่เกินจะอดทนอดกลั้นแล้วจริงๆ จนทำให้เหล่านักเรียน เลือกที่จะต่อสู้กับระบบอย่างเปิดเผย
ทั้งที่สภาพในโรงเรียนตั้งแต่อดีตถูกกดทับด้วยวัฒนธรรมผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์เป็นผู้อบรมความรู้บ่มเพาะวิชา เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่ 2 ที่นักเรียนต้องกตัญญูรู้คุณ ก้าวล่วงไม่ได้
กลายเป็นคำถามว่าสิ่งที่แสดงออกมาเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงความเนรคุณต่อครูบาอาจารย์หรือไม่!??
แต่เมื่อดูจากการแสดงออกของกลุ่มนักเรียน ที่ไล่เรียงถึงปรากฏการณ์การถูกคุกคามจากอำนาจนิยมของคนที่เรียกว่าครูในโรงเรียน มีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทั้งทางร่างกาย วาจา เพื่อดูหมิ่นเหยียดหยามอัตลักษณ์ เพศสภาพ หรือความคิดเห็นทางการเมือง
ไม่รวมกับการล่วงละเมิดทางเพศจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่เกิดขึ้นตามข่าวตามสื่อต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าคนเหล่านี้มีความเหมาะสมเพียงใดกับการได้รับการยกย่องถึงขั้นนั้น
แน่นอนว่าครูบาอาจารย์ที่เยี่ยมยอด ทุ่มเทเอาใจใส่กับการเรียนการสอน การพัฒนาบุคคลให้โตขึ้นเป็นทรัพยากรมนุษย์ชั้นดี ก็มีอยู่มาก
เพียงแต่ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมองข้ามเหล่ากาฝาก ที่มาอาศัยคำว่าครูสนองตัณหาความรู้สึกของตัวเอง ที่มีปมไม่มีใครยอมรับ ไม่มีอำนาจ จนมาลงกับเด็กที่อายุน้อยกว่าที่อยู่ในการปกครอง
ดังนั้นการออกมาเรียกร้อง เปิดโปงความเน่าเฟะในวงการครูเหล่านี้ของกลุ่มนักเรียนเหล่านี้ ล้วนเป็นคุณูปการ ที่นำขยะที่ซุกอยู่ใต้พรม ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะให้รับรู้กันทั่วไป
และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ปัดกวาดชำระเช็ดถูสิ่งปฏิกูลให้หมดจด เหลือแต่ส่วนงานที่มีประโยชน์ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากการตอบคำถามของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในการชุมนุมวันดังกล่าว ที่มีข้อดีเพียงอย่างเดียวคือยอมออกมาเผชิญหน้ากับข้อเรียกร้อง
แต่ในรายละเอียดอื่นๆ กลับไม่แสดงออกเลยว่าเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นความไม่เข้าใจ ซึ่งไม่รู้ว่าไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งไม่เข้าใจว่าการคุกคามที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมีรูปแบบใดๆ บ้าง
อ้างว่าสั่งการไปแล้ว ทั้งการเปิดพื้นที่แสดงออก ห้ามกล้อนผมเด็ก ทั้งที่ความเป็นจริงการคุกคามเหล่านี้มีอยู่ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน ซ้ำแล้วซ้ำอีก
กลายเป็นว่านายณัฏฐพล กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา จึงไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงเรียกร้องว่า “ทำไม่ได้ก็ลาออกไป”
ก็อยู่ที่ว่าจะมีความละอายใจมากน้อยแค่ไหนในการตัดสินใจ
โดย…รุก กลางกระดาน