คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ถนนทุกสายมุ่งสู่ “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร”
คาดการณ์กันว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน
ทนายอานนท์ นำภา พูดถึงการชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เป็นการชุมนุมที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
จากการชุมนุมเยาวชนปลดแอก 18 กรกฎาคม ตามด้วยการชุมนุมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม 10 สิงหาคม
และการชุมนุมประชาชนปลดแอก 16 สิงหาคม
ครั้งนี้ 19 กันยายน การชุมนุมจะ “เบิ้ม” กว่า 3 ครั้งที่ผ่านมาแน่นอน
นอกจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกฝ่ายที่ได้รับแรงกดดันจาก นัดหมายชุมนุม 19 กันยาฯ คือคณะ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่โดน “ทัวร์ลง” กรณีประกาศไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นสถานที่จัดชุมนุมวันดังกล่าว
ทำให้หลายคนเป็นกังวลว่า มีความเป็นไปได้ที่ประกาศของผู้บริหาร มธ. จะเป็นหนึ่งในชนวนร้อนแรงตั้งแต่แรกที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยาฯ
เนื่องจากฝ่ายผู้จัดชุมนุมแถลงยืนยัน เช่นกัน ว่าจะยังนัดหมายชุมนุมใหญ่ที่ มธ.ท่าพระจันทร์ ต่อไป
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ไปไหนทั้งสิ้น แกนนำถึงกับประกาศว่าหากมีการ ปิดล็อกประตูก็พร้อมตัดกุญแจเข้าไป
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงลองนึกดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กำลังตำรวจที่ถูกเรียกระดมให้มาดูแลควบคุมสถานการณ์จะยอมยืนดูนักศึกษาตัดกุญแจประตูเข้าไปเฉยๆ อย่างนั้นหรือ
หรือหากห้ามปรามก็เสี่ยงต่อการเกิดกระทบกระทั่ง ลุกลามบานปลาย
ที่ผ่านมาตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเยาวชนนักศึกษาก็มีความสัมพันธ์ในลักษณะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่แล้ว
โดยเฉพาะช่วงหลังที่มีการแจ้งความ จับกุมดำเนินคดีแบบ “เกินจริง” กับแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมนับสิบราย
ถ้าต้องมาปะทะกันตรงๆ เพียงแค่เล็กน้อยก็พร้อมเกิดประกายไฟได้ทุกเมื่อ
ยิ่งถ้าถึงขั้นเลือดตกยางออก สถาน การณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่
เบื้องต้นจึงมีแต่ผู้บริหาร มธ.ที่จะตัดไฟแต่ต้นลม ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ได้
เหลือเวลาอีก 4 วันก่อนถึง 19 กันยาฯ ยังไม่สายเกินไป
หากจะเปลี่ยนใจอนุญาตให้ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่จัดชุมนุม 19 กันยาฯ
กอบกู้ศักดิ์ศรี พิสูจน์ให้สังคมเห็น
ธรรมศาสตร์คือมหาวิทยาลัยของประชาชนอย่างแท้จริง
โดย…มันฯ มือเสือ