คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ถูกจับตามากทีเดียวสำหรับการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร
ที่แม้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ แต่กลุ่มนักศึกษาก็ยังยืนหยัดจะชุมนุม
และมีแนวโน้มว่าจะมีคนเข้าร่วมมหาศาล จนธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์รองรับไม่พอ อาจล้นไปถึงสนามหลวง และยาวไปถึงถนนราชดำเนิน
จะเป็นไปได้หรือไม่ก็คงต้องรอดูกัน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าปริมาณของผู้ชุมนุมจะมากหรือน้อย สิ่งที่ยังต้องพิจารณาอยู่ก็คือข้อเรียกร้อง 3 ข้อ
ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทำได้ แต่ยังไม่เคยดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดคุกคามประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ รวมทั้งยุบสภา
คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการคุกคามประชาชน ที่มีการแจ้งข้อหาเข้ามอบตัว จับกุมผู้ชุมนุมกันอย่างถี่ยิบ อ้างว่าสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ใครได้ยินได้ฟังก็งงกันไปทั้งโลกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยมันจะกลายเป็นเรื่องเลวร้ายในสายตาเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดูคำสั่งของผู้ว่าฯ ชลบุรี เรื่องการเรียกผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดมาหารือ ก็ต้องตะลึงกับทัศนคติที่มองเห็นว่ากลุ่มนักศึกษามีแนวโน้มล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
เอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างโจมตีกันอีก!??
ไม่เพียงแค่นั้น แค่กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญในสภา ที่ควรเป็นกระบวนการแก้ไขความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพ
โดยฝ่ายค้านยื่นญัตติปลดสวิตช์ส.ว.เข้าไป แทนที่จะได้พิจารณากันอย่างสมเหตุสมผล นายไพบูลย์นิติตะวัน ที่ยุบพรรคตัวเองไปเป็นรองหน.พปชร. ก็ยื่นตรวจสอบ หาว่าเป็นการลงชื่อซ้ำ อ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้
ทั้งที่กรณีนั้นเป็นการเข้าชื่อยื่นร้องศาล ไม่ใช่การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
ต่างกรรมต่างวาระ แต่ก็พยายามจับโยง!!?
จนถูกสงสัยในการปลดชนวนความขัดแย้ง และทำไมส.ว.ที่เลือกนายกฯ ได้ถึงมีค่าสำคัญต้องหวงแหนเอาไว้
จะปลดนายกฯ กันเอง แล้วใช้ส.ว.เป็นเครื่องมือเลือกมาใหม่
หรือกลัวม็อบจะน้อยเลยต้องออกมาโหมไฟช่วย
เป็นทางไหนก็ต้องติดตามกันดูเอา!?!