คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
กลายเป็นเรื่องขบขันที่หัวร่อไม่ออกร้องไห้ไม่ได้กันเลยทีเดียว
สำหรับกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อุตส่าห์ใช้เวลารวมการเฉพาะกิจ สื่อสารกับประชาชน
โยนเรื่องการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาว่าเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจให้ย่ำแย่
ให้คนทำมาหากินเดือดร้อน!??
เพราะต้องถือว่าเป็นการโยนบาปแบบไม่ได้พิจารณาถึงตัวเองเลยแม้แต่น้อย
ดังที่กูรูเศรษฐกิจหลายคนเตือนกันมาตั้งแต่ปลายปี 62 ว่าเศรษฐกิจปีนี้ จะปัก หัวลง
ยิ่งเมื่อเจอผลกระทบโควิด ที่รัฐบาลเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ยิ่งส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างปฏิเสธไม่ได้
เรียกได้ว่าวิกฤตซ้ำซ้อน แต่แทนที่จะบริหารด้วยการคำนึงว่าอยู่ในสถานการณ์พิเศษ รัฐบาลก็ไม่ได้แยแส แถมยังทำงานไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เอาแค่ตำแหน่งรมว.คลัง ถ้าไล่เรียงกันก็พอจะเห็นภาพ เพราะถ้าจำกันได้ นายอุตตม สาวนายน ที่พ่ายแพ้จากศึกการเมืองภายในพรรคพปชร. จนต้องยื่นลาออกตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.
แต่กว่าจะตั้งนายปรีดี ดาวฉาย เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ก็ล่วงไปถึงวันที่ 6 ส.ค. หรือเกือบ 3 สัปดาห์
ทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็ลาออกในวันที่ 1 ก.ย. และจนมาถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรมว.คลังเป็นตัวเป็นตน ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุจะเรียบร้อยช่วงเดือนต.ค.
สร้างความงุนงงว่าตำแหน่งนี้มันไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญหรืออย่างไร และถ้าไม่สำคัญจริงๆ ทำไมไม่ยุบเลิกไปเสียเลย
ไม่เพียงแค่นั้นการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ล่าช้า และถ้าไม่มีกระแสสังคมกดดันร่วมกับเสียงฝ่ายค้านในสภา
ประชาชนก็ต้องก้มหน้ารับสภาพการซื้อเรือดำน้ำ ที่อ้างว่าสำคัญหนักหนา ขณะที่ชาวบ้านอีกหลายครอบครัวกำลัง จะอดตาย
บริหารวิกฤตกันแบบชิลชิล
ซึ่งก็ไม่ทราบว่าไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าปัญหามันหนักหนาขนาดไหน หรือที่แท้ก็รู้แต่แก้ไม่ได้ เลยทำเป็นไม่รู้ จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ลอยตัวให้ผ่านพ้นไปวันๆ แล้วคอยโทษคนอื่นว่าเป็นอุปสรรค
มิน่าถึงคิดว่าบริหารประเทศง่ายนิดเดียว!??