“มันฯ มือเสือ”
เมื่อเผชิญกับป้ายข้อความ
“And there were fighting on the street and people unfortunately, some people died น่าเสียดายที่บางคนก็ตาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2555”
ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มธ. ชั้นปี 1
อันหมายถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง 99 ศพ ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับเยือกเย็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดพูดออกมาได้ว่า
ตนเองทำตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ปัญหาคือมีผู้ติดอาวุธแฝงอยู่ในกลุ่ม ผู้ชุมนุม เมื่อมีการยิงอาวุธออกมา เจ้าหน้าที่จึงไม่มีทางเลือก ต้องขอติดอาวุธเพื่อเข้าปฏิบัติการ
“ผมพยายามหลีกเลี่ยงความสูญเสีย แต่เมื่อมีการใช้อาวุธกลับมา มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความสูญเสีย ทุกวันนี้ก็มีวาทกรรมมาต่อว่าผมอยู่ แม้ศาลจะตัดสินไปแล้วก็ตาม”
นายอภิสิทธิ์ตั้งคำถามกลับด้วยว่า แทนที่จะใช้วาทกรรมมาชี้หน้าว่าอีกฝ่ายขี้โกง เป็นฆาตกร ทำไมไม่มาพูดคุยกันแบบ ปัญญาชน มาค้นหาความจริงกัน ว่ามันคืออะไร ถ้าเรายึดมั่นอยู่กับความจริง สักวันสิ่งที่เรายึดมั่นก็จะได้รับการพิสูจน์
ฟังแล้วดูดี ดูหล่อเหมือนเดิม
แต่ความจริงการตาย 99 ศพคืออะไร?
ความจริงก็คือในจำนวน 99 ศพ ไม่มีแม้แต่ศพเดียวที่ตายโดยมีอาวุธอยู่ในมือ
ความจริงก็คือในจำนวน 99 ศพ มี 17 ศพที่ศาลมีคำสั่งในคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพชัดเจนว่า การตายมาจากถูกกระสุนปืนจากแนวฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งปฏิบัติการตามคำสั่งของศอฉ.
“ท่านมีอะไรจะพูดกับวิญญาณน้องเฌอ” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ตั้งคำถามถึงนายอภิสิทธิ์
ไม่ใช่แค่เพนกวิน ไม่ใช่แค่พ่อน้องเฌอ แต่เป็นญาติคนตายทั้ง 99 ศพ อยากรู้ว่าปัญญาชนอย่างนายอภิสิทธิ์จะตอบคำถามนี้อย่างไร
หรือก็แค่ “น่าเสียดาย”
