คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ไม่มีทางออกจริงๆ – ดูจะตีบตันแล้วจริงๆ สำหรับทางออกของการเมืองไทยในปัจจุบัน
เมื่อข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ยื่น 3 ข้อเสนอ ประกอบด้วยการให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปสถาบัน
เมื่อไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาล จากพล.อ.ประยุทธ์ หรือจากรัฐสภา
ไม่ว่าจะเป็นการยื้อญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการเสนอตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาศึกษา
เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันมากขึ้นก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงสลายม็อบ ที่เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนนักศึกษา
อื้อฉาวไปทั่วโลก!!?
พอท่าไม่ดี ควบคุมไม่ได้ ก็เรียกร้องถอยกันคนละก้าว แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็บุกจับแกนนำและผู้ชุมนุม
ซึ่งปัจจุบันก็มีอยู่อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกคุมขังในเรือนจำ แค่เพราะเขาเหล่านั้นออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่กลับถูกตั้งข้อหารุนแรงเกินจริง!??
จากนั้นก็อ้างจะเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหาทางแก้ปัญหา แต่แทนที่จะพูดปัญหาที่แท้จริง กลับใช้เป็นเวทีด่าม็อบ
ระดมคนในสังกัดออกมาพูดจาชมเชยพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเก่งนักเก่งหนา เก่งจนพล.อ.ประยุทธ์ เองก็คงสงสัยว่าที่พูดมามันเข้าเค้าความจริงสักกี่เปอร์เซ็นต์
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดูท่าจะไม่มีทางออกแล้วจริงๆ
และที่น่าเป็นห่วงเพิ่มขึ้นก็คือการปลุกระดมม็อบฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลให้ออกมาบนท้องถนน
ซึ่งก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพื่อประโยชน์อะไร
แต่ที่แน่ๆ คือม็อบเหล่านี้ไล่ทำร้ายคนอื่น อย่างน้อยก็เหตุการณ์ที่รามคำแหงก็เป็นที่ประจักษ์
จนสังคมหวาดกลัวว่าจะใช้โมเดลเหล่านี้มาสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคม
ก่อให้เกิดเงื่อนไข ให้มีการใช้อำนาจนอกระบบออกมาปฏิวัติรัฐประหารอีก
และต้องไม่ลืมว่าหากเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะเก็บพล.อ.ประยุทธ์ที่เปรียบเสมือนหมากตายเอาไว้ใช้งาน ก็เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ
หากทบทวนทั้งหมดแล้ว ยังคง ไม่ถอดชนวน ไม่ลาออกจากตำแหน่ง คาดหวังจะมีตัวช่วยให้อยู่ในอำนาจได้ต่อไป
ก็ต้องถือว่า ‘กล้ามาก’ จริงๆ