เสียงที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ยิน

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

เสียงที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ยิน – ยังไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับวิกฤตของการเมืองไทย ที่นับว่าเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

แม้พิธีกรรมในรัฐสภา ที่เรียกว่าการเปิดอภิปรายสมัยวิสามัญโดยไม่ลงมติ เพื่อหาทางออกจะจบลงไปแล้วก็ตาม

เนื่องจากพิธีกรรมดังกล่าวแทนที่จะมีการพูดถึงปัญหาแท้จริงอย่างตรงไปตรงมา กลับกลายเป็นพื้นที่โจมตีใส่ร้ายการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหาว่าล้มเจ้า หรือรุนแรงขนาดการขัดขวางขบวนเสด็จ

ทั้งที่มีคลิปวิดีโอในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แต่ส.ส.โดยเฉพาะฝั่งรัฐบาล แทนที่จะใช้จิตใจที่เป็นธรรมมองสถานการณ์

กลับกล่าวหาให้ร้าย โดยไม่มีการตั้งคำถามถึงผู้รับผิดชอบในระดับเจ้าหน้าที่ใดๆ เลย

ที่ผ่านมามีเพียงการย้ายนายตำรวจระดับสูงเพียง 3 นายจากเหตุการณ์ดังกล่าว แถมยังไม่ได้ระบุชัดเจนถึงฐานความผิด

ยิ่งทำให้คลางแคลงสงสัยถึงความใส่ใจในเรื่องดังกล่าว

ไม่เพียงแค่นั้นการแสดงออกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังมีลักษณะของความน่าเป็นห่วง

เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าอยู่ในสภาพเชื่องเชื่อต่ออำนาจ และคำเยินยอของสมุนบริวาร

ดูได้จากท่าทีต่อวาทกรรมเรื่อง ‘หมากับเจ้าของหมา’ ของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หรือการแสดงออกว่าจะโกรธพล.อ.ประยุทธ์ จริงๆ หากลาออกของ นายอนุชา นาคาศัย

สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า พล.อ. ประยุทธ์สนใจแต่เสียงแวดล้อม แต่ไม่แยแสกับข้อเรียกร้องของสังคม

ไม่ได้ยินเสียงของประชาชน ทั้งที่เสียงตะโกนดังก้องกังวานไปทั่วประเทศ

มิหนำซ้ำข้อเรียกร้องที่ให้ ‘ถอยคนละก้าว’ ก็เปรียบเสมือนลมที่พัดผ่าน ไม่มีการแสดงออกให้เห็นถึงความจริงใจ

ยังปล่อยให้เกิดภาวะสุ่มเสี่ยงของม็อบชนม็อบ ยังมีการดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุมต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกันม็อบเสื้อเหลืองที่สร้างความรุนแรง กลับไม่มีการดำเนินคดีใดๆ

ก็เท่ากับว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงเลือกอนาคตของตัวเองไว้แล้ว

ว่าจะจบลงที่แบบไหน!??

โดยรุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน