คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รัฐประหารปี 57 ถึงรัฐประหารปี 63 – ช่วงสัปดาห์ก่อน เกิดกระแสข่าวรัฐประหารสะพัดหนาหู
ก็มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ส่วนใหญ่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เชื่อเพราะมองสถานการณ์การชุมนุมตอนนี้บีบรัด
ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สละอำนาจด้วยการลาออกจากนายกรัฐมนตรี
แต่ปรากฏที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันหนักแน่น ไม่ลาออกแน่นอน
ประกอบกับพรรคการเมือง เครือข่ายคนรอบข้างต่างก็สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจต่อไป โดยไม่ต้องไปฟังเสียงเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมเยาวชน นิสิต นักศึกษา
ขณะเดียวกันยังมีการจัดตั้งกลุ่มคน เสื้อเหลือง ออกมาชุมนุมหลายพื้นที่ในลักษณะม็อบชนม็อบ
เฝ้ารอจังหวะให้เกิดการปะทะรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
สร้างสถานการณ์เปิดประตูให้กองทัพซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาล ออกมายึดอำนาจโดยอ้างเหตุผลเพื่อระงับความขัดแย้งประชาชนสองฝ่ายไม่ให้เกิดการฆ่าฟันกันเอง
ซึ่งก็เป็นมุขเก่าที่เคยใช้ในการทำรัฐประหารปี 2557
พล.อ.ประยุทธ์งัดมุขกรรมการนี้ขึ้นมาใช้บ่อยๆ เมื่อถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตี
สาเหตุที่ประเทศไทยประสบความหายนะในทุกมิติทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการรัฐประหารปี 2557 กับอีกส่วนหนึ่งเพราะผู้นำไม่มีความรู้ความสามารถ
ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่างก็วิตกกังวล อยากฝากไปถึงผู้คิดทำรัฐประหารว่า การทำรัฐประหารในปี 2563 หากเกิดขึ้นจริง ผลลัพธ์ของมันจะไม่เหมือนการทำรัฐประหารปี 2557 แน่นอน
การทำรัฐประหารปี 2557 เป็นไปตามคำเชื้อเชิญของม็อบ กปปส.
แต่การทำรัฐประหารปี 2563 จะถูกต่อต้านอย่างหนักหน่วงจากกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษา ประชาชนคนรุ่นใหม่จำนวนเรือนแสน และไม่แน่ว่าอาจจะมากกว่านั้นหลายเท่าหากเวลามาถึง
อีกทั้งในปี 2557 เป็นการทำรัฐประหารในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังดี ก่อนจะทรุดต่ำลงเรื่อยๆ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศของ คสช. และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
มาถึงปี 2563 เศรษฐกิจถูกซ้ำเติมจากปัญหาโควิด เป็นวิกฤตการณ์ที่ยังกอบกู้ไม่ได้
ถ้าเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกก็ลองคิดดู ประเทศจะพินาศย่อยยับขนาดไหน
พล.อ.ประยุทธ์กับพรรคพวก จะรับผิดชอบไหวหรือ?