คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สรุปไม่มีใครถอย มีแต่เดินหน้าลุย – นับจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลง “ถอยคนละก้าว” เมื่อ 21 ตุลาคม เพื่อหวังผ่อนสถานการณ์เผชิญหน้าแตกหัก
แต่แล้วในรอบ 20 วันที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ เป็นสิ่งบ่งบอก
นอกจากไม่ถอย ต่างฝ่ายยังเดินหน้าเข้าหากันชนิดไม่มีใครกลัวใคร
เจ้าหน้าที่รัฐขยันออกหมายจับแกนนำและผู้ชุมนุมแบบรัวๆ
ใช้กลไกเครือข่ายจัดตั้งม็อบเสื้อเหลือง หาจังหวะออกมาปะทะซึ่งหน้ากับผู้ชุมนุมราษฎรที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน นิสิต นักศึกษาและคนรุ่นใหม่
ขณะที่ฝ่ายผู้ชุมนุมราษฎรเปิดแถลงกลางสนามหลวงยืนยันไม่ลดเพดาน 3 ข้อเรียกร้องเดิม
ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมคณะกรรมการสมานฉันท์ปรองดอง เพราะเชื่อว่านั่นเป็นเพียงการเล่นละครตบตาของฝ่ายรัฐบาล
เพื่อซื้อเวลาให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในอำนาจต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้การชุมนุม 8 พฤศจิกายน ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จึงก้าวทะลุเพดานไปอีกขั้น
มีการตั้งข้อสังเกตต่อสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เรื่อยมาจนถึงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน
แม้เนื้อหายังยึดมั่น 3 ข้อเรียกร้องเดิม
แต่ที่ขยายกว้างออกไปคือจำนวนที่มากขึ้นทุกครั้งที่มีการชุมนุมใหญ่แบบเบิ้มๆ
หรือกระทั่งการชุมนุมย่อยในวันที่ไม่มีแกนนำ ผู้ชุมนุมก็ยังยืนพื้นอยู่ที่เรือนหมื่น
กับปรากฏการณ์ล่าสุดยิ่งน่าสนใจ กรณีกลุ่มนักเรียนไทยในยุโรป 13 ประเทศ ได้แก่
กลุ่มเสรีประชาธิปไตยในออสเตรีย กังหันไทยไล่เผด็จการ คณะราษฎรฝรั่งเศส เบลเยียม สกอตแลนด์ ฮังการี คน “ไท” ในฟินแลนด์ ภาคีนักเรียนไทยในอังกฤษเพื่อประชาธิปไตย เสรีไทยในอิตาลี นอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน และเยอรมนีขยี้เผด็จการ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน
ถึงการทำจดหมายเปิดผนึกถึงสหภาพยุโรป เรียกร้องให้จับตาความเคลื่อนไหวทางการเมืองของรัฐบาลไทย
ร่วมต่อต้านไม่ให้เกิดการก่อรัฐประหาร อันเป็นการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศชาติในทุกด้าน
เพื่อให้ไทยดำรงไว้ได้ซึ่งหลัก “เสรีประชาธิปไตย” หลักสากลที่รับรองว่ามนุษย์เป็นประธานแห่งสิทธิ มีศักดิ์ศรีและความเสมอภาคเท่าเทียม วิวัฒน์ไปข้างหน้า ทัดเทียมนานาชาติได้อย่างภาคภูมิ
คณะราษฎรจึงไม่เพียงขยายปริมาณ แต่ยังขยายพื้นที่อุดมการณ์ทะลุข้ามทวีปอีกด้วย