คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สำนักพุทธฯรับใช้ใคร – สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เอาจริงเอาจังอย่างมาก กับการใช้อำนาจจัดการกับพระภิกษุสามเณร ที่ร่วมชุมนุมทางการเมืองกับราษฎร
มีการอ้างประกาศและคำสั่งมหาเถรสมาคมที่เคยออกเป็นกฎระเบียบไว้ และสำทับว่าจะดำเนินการไปตามนั้นอย่างเคร่งครัด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำหนังสือถึง เจ้าคณะผู้ปกครอง ทั้งในระดับเจ้าอาวาสจนถึงเจ้าคณะจังหวัดให้จัดการ และต้องรายงานผลให้ทราบด้วย
ไปๆ มาๆ หน่วยงานแห่งนี้ จะกลายเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์ แทนที่จะให้พระปกครองดูแลกันเอง
ไม่เพียงแต่ห้ามร่วมชุมนุมเท่านั้น ยังห้ามไปถึงการเขียนบทความและบทกวีแสดงออกทางการเมืองด้วย
เรื่องนี้พระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง โดนเจ้าอาวาสตักเตือน และให้เขียนรายงานถึงสำนักงานเลขานุการมหาเถรสมาคมมาแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีพระภิกษุอย่างน้อย 1 รูป ถูกออกหมายจับ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี และเตรียมขอลี้ภัย
อีกรูปที่ถูกกดดันอย่างหนัก เป็นสามเณรนักศึกษา วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
โดนเล่นงานจนถูกขับออกจากวัดในเมืองกรุง
นอกจากนี้ ยังตามจิกถึงเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม พื้นที่ที่ตั้งของสถานศึกษา
ล่าสุด ลงลึกไปถึงเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัดที่ต่างจังหวัด ให้เรียกตัวสามเณรกลับ กดดันให้ลาสิกขา
ชะตากรรมของสามเณรจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่มีใครรับประกันได้
เมื่อเทียบกับการชุมนุมของกลุ่มนกหวีดเสื้อเหลือง มีอดีตพระบางรูปตั้งตัวเป็นหัวหน้าม็อบ ปิดถนน ซ่องสุมกองกำลัง ออกตระเวนไปกดดันสถานที่ราชการ สถานที่เอกชน และบุกไปทำเนียบรัฐบาล
มิหนำซ้ำหนักข้อไปกว่านั้น ยังพาม็อบไปคุกคาม พระเถระระดับสมเด็จพระราชาคณะ ที่เป็นประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชถึงวัด
สร้างความอเนจอนาถใจแก่ชาวพุทธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในขณะนั้น ไม่เคยเทกแอ๊กชั่น เอาจริงเอาจัง
ทั้งๆ ที่บุคคลดังกล่าวต้องคดีอั้งยี่ซ่องโจร
รับใช้ใคร เลือกปฏิบัติหรือไม่ โปรดตรองดู