คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ดร.วิชาพุทธฯ – มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง ประกาศเกียรติคุณ มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้หนึ่ง
ความตอนหนึ่งระบุว่าเป็นผู้ได้บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่สังคม ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนั้น เป็นอเนกประการ สมควรแก่การยกย่องประกาศเกียรติคุณ
สภามหาวิทยาลัยจึงมีมติเอกฉันท์ให้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา เพื่อประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏไพศาลเป็นทิฏฐานุคติแก่อนุชนสืบไป
จริงอยู่ การมอบปริญญาใดๆ เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่ผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม ประเทศชาติ ย่อมเป็นสิทธิของสถาบันการศึกษาใดๆ ที่จะเห็นเป็นการสมควรและความเหมาะสม
ส่วนหนึ่งที่สภามหาวิทยาลัย มีมติประกาศยกย่องอดีตนายกรัฐมนตรีคน ดังกล่าว ระบุเป็นผู้อนุมัติให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดสรรงบประมาณผูกพัน เพื่อก่อสร้างกลุ่มอาคารวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ และงบประมาณระบบสาธารณูปโภค ซื้อวัสดุครุภัณฑ์ประกอบอาคารต่างๆ รวมถึงงานปรับภูมิทัศน์ต่างๆ
รวมแล้วกว่า 1 พันล้านบาท
นั่นเป็นการอนุมัติในนามรัฐบาลซึ่งต้องสนับสนุนการศึกษาถ้วนหน้าอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นของคณะสงฆ์หรือสถาบันการศึกษาอื่นๆ ของรัฐ
อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งบุคคลดังกล่าวดำรงตำแหน่งนายกฯรัฐมนตรี มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ในทางที่ไม่สอดคล้องกับประกาศยกย่องเกียรติคุณนั้นเช่นกัน
โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งมีการชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกและจัดเลือกตั้งใหม่ มีการชุมนุมใหญ่ของประชาชนคนเสื้อแดงในกรุงเทพมหานคร
แต่ในช่วงนั้นรัฐบาลกลับตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง กระทั่งสั่งใช้กำลังกับ ผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง อ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายอยู่ในม็อบ
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมแล้ว 99 ศพ ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 2 พันชีวิต
ในจำนวนนี้ มีพระสงฆ์ที่มาร่วมชุมนุมด้วย ถูกกระทำทารุณกรรมต่างๆ นานา มีทั้งถูกจับมัดกับเก้าอี้ มัดมือไพล่หลัง ถูกควบคุมตัวด้วยปืนจี้ตัวจาก เจ้าหน้าที่
หลักฐานภาพถ่ายมีปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
นอกจากนี้ ยังมีผู้ถูกจับกุมไปดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมอีกจำนวนมาก
แต่ผู้นำรัฐบาลกลับไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย
ย้อนแย้งกับเกียรติคุณที่ได้รับในสาขาวิชาพระพุทธศาสนาหรือไม่ สังคมยังคงตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง