คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

เรื่องน่ายินดี – ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดีสำคัญ 2 คดี จำเลย 2 คนพ้นผิด หลังจากต่อสู้คดีในศาลทหารจนมีการโอนให้ศาลพลเรือนพิจารณาต่อ

คนแรก คือน.ส.พัฒน์นรี หรือพัชนรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ อาชีพแม่บ้าน อายุ 43 ปี แม่ของนายสริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง

เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทสถาบัน ตาม ป.อาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

จากกรณีตอบโต้บทสนทนาทาง มือถือกับคนที่รู้จัก แค่พิมพ์คำว่า “จ้า”

พยานซึ่งเป็นนักวิชาการ เบิกความว่าคำว่า “จ้า” เพียงคำเดียว ไม่ได้สื่อความหมายอะไร และฟังได้ว่า การที่จำเลยไม่ได้โพสต์ความอื่นๆ นอกจากคำว่า “จ้า” หลังจากเว้นช่วงเวลาไปนาน 5 นาที

แสดงว่า จำเลยต้องการสิ้นสุดการอ่านข้อความเท่านั้น และจากนั้นไม่มีความเห็นอื่นๆ จึงฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาหมิ่นตามฟ้อง

หลังฟังคำพิพากษาจบ นางพัฒน์นรีถึงกับร้องไห้ ระบายความในใจว่าเรื่องนี้ไม่ควรเป็นคดีมาตั้งแต่ต้น ที่ถูกเล่นงานนั้นเพียงพราะเป็นแม่จ่านิวเท่านั้นเอง

ในวันเดียวกันนั้น ศาลอาญายังมีคำพิพากษายกฟ้อง นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย

ที่ยื่นฟ้องว่าจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืน ขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 37/2557, พ.ร.บ.ว่าด้วยการ กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)

อ้างด้วยว่าจำเลยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทั้งต่อต้านการเข้าควบคุมอำนาจของคสช. โดยให้ประชาชนเห็นว่าการเข้าควบคุม อำนาจของคสช. เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และ คำสั่งหรือประกาศคสช. ก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนทั่วไปต่อต้าน ยั่วยุ ปลุกปั่นทำลายความน่าเชื่อถือของคณะคสช. เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร

คำวินิจฉัยระบุชัดว่าการดำเนินคดีจำเลยไม่อยู่ในหลักนิติรัฐนิติธรรมที่ได้หลักสัดส่วนข้อหา หากพนักงานสอบสวนไม่มีพยานหลักฐานที่เพียงพอ ก็ไม่สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้

พร้อมกับชี้ว่าเป็นการใช้กระบวนการยุติธรรม ปิดกั้นอิสระในการพูด และบิดเบือนการกระทำของจำเลย

คำพิพากษานี้เป็นที่น่าสนใจศึกษา ขณะที่ยังมีการตั้งข้อหาคดีความผิดมาตรา 116 กับนักคิดนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกมากมายหลายคดี

จึงน่าติดตาม

 

เภรี กุลาธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน