อย่าปฏิเสธความรับผิดชอบ : ทิ้งหมัดเข้ามุม
กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ว่าสำหรับกรณีวัคซีนโควิดที่กำลังจะเข้ามาในประเทศไทย
ใครกันแน่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ระหว่างรัฐบาลกลางและองค์กรปกครองท้องถิ่น
โดยฝ่ายที่สนับสนุนให้ท้องถิ่นมารับผิดชอบ ก็ระบุถึงความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และอ้างถึงงบประมาณที่มีเพียงพอจะดูแลคนของตัวเอง
แต่ก็มีข้อน่าสังเกตว่าในระดับองค์กรท้องถิ่นระดับใหญ่ที่มีศักยภาพ ย่อมมีความพร้อมที่จะบริหารจัดการได้อย่างแน่นอน
แล้วองค์กรปกครองท้องถิ่นเล็กๆ ที่มีงบประมาณไม่เพียงพอ จะต้องทำอย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้น!??
เท่ากับว่าจะไม่สามารถดูแลคนในท้องถิ่นตัวเองได้ ต้องยืนมองตาปริบๆ ให้คนจังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อมกว่าได้ฉีดวัคซีนก่อน
ตอกย้ำสภาพ 2 มาตรฐานหรือความไม่มีมาตรฐาน หรือสภาพที่มือใครยาวสาวได้สาวเอาให้ชัดเจนขึ้นในสังคมไทย
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องคุณภาพที่มีมาตรฐานของวัคซีน ที่หากให้แต่ละองค์กรปกครองท้องถิ่นจัดซื้อเอง จะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าวัคซีนดังกล่าวจะมีคุณภาพเท่าเทียมกัน
และที่สำคัญกรณีดังกล่าวถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน อย่างมาตรา 47 ที่ระบุว่าบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ ทั้งการป้องกันและ ขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย
มาตรา 55 รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง
เท่ากับว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้หน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่รัฐบาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ และหากพยายาม หาช่องหลีกเลี่ยงเท่ากับการพยายามหลบเลี่ยงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุด
และต้องอย่าหาข้ออ้างเรื่องการไม่มีงบประมาณใช้จ่ายดูแลในเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาแสดงให้ เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่างบประมาณของประเทศ ใช้ไปกับอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงบทำซุ้ม ปลูกป่า ถ่ายภาพยนตร์ ซึ่งดูแล้วเป็นงานที่มีลำดับความสำคัญเป็นรองกว่าเรื่องโควิดทั้งสิ้น
อย่าปฏิเสธความรับผิดชอบด้วยการโยนภาระไปให้คนอื่น
และหากไม่พร้อมจะทำหน้าที่ ก็ลาออกไปให้คนที่มีความพร้อมมาทำแทน
ก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่าทนทู่ซี้อยู่อย่างแน่นอน
โดย…รุก กลางกระดาน