คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

อย่าแค่ซื้อเวลา บ่อน-แรงงานเถื่อน – ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าซื้อเวลา มากกว่ามุ่งแก้ปัญหาจริงจังครบวงจร

กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี 2 ฉบับ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการเข้าเมืองผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด จำนวน 15 คน มีนายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช. เป็นประธาน

กับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีบ่อนการพนัน เป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด จำนวน 10 คน มีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน

ทั้งสองชุดต้องรายงานทางลับให้นายกฯ รับทราบทุก 30 วัน

ไม่ต้องการติเรือทั้งโกลน แต่หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่ากรรมการทั้งสองชุดจะทำหน้าที่ได้เด็ดขาดแค่ไหน จะลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ ถึงแม้โครงสร้างกรรมการส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการระดับสูงจากหลายหน่วยงาน

แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากนายกฯ จะรับเป็นประธานกรรมการทั้งสองชุดเสียเอง เหมือนที่เป็นประธาน ศบค. แทนที่จะรอรับรายงานอย่างเดียว

จะใช้ชื่อศูนย์บริหารสถานการณ์การเข้าเมืองผิดกฎหมาย-ศบม. กับศูนย์บริหารสถานการณ์บ่อนการพนัน-ศบบ. ก็ยังได้ หรือหากจะตั้งอนุกรรมการขึ้นมาช่วยทำงาน ก็ไม่มีปัญหา แค่ขอให้นายกฯ เป็นประธานชุดใหญ่

การกำหนดให้รายงานความคืบหน้าทุก 30 วัน ยังถือว่านานเกินไป

เพราะหากจะสอบสวนสืบค้นกันจริงๆ เชื่อว่าแค่ 10-15 วัน ก็น่าจะรู้เรื่อง ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดเกี่ยวข้องกับขบวนการขนย้ายแรงงานเถื่อนและบ่อนพนันบ้าง โดยไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ไหนไกล ชาวบ้านในพื้นที่รู้ข้อมูลสายสนกลในดีที่สุด

เหมือนที่นายกฯ พูดเองเรื่องบ่อนพนัน ต่อให้ 100 นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือ

เพียงแต่รัฐต้องให้หลักประกันความปลอดภัยกับประชาชนว่าถ้าให้ข้อมูลแล้ว จะไม่เป็นอันตรายกับตนเองและครอบครัว อาจจะแถมรางวัลสำหรับข้อมูลการชี้เบาะแสที่เป็นจริงด้วยก็ไม่มีใครว่า

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการตั้งคณะกรรมการสองชุดนี้ขึ้นมาก็คือ ทำอย่างไรให้สังคมมั่นใจ

เมื่อใดสถานการณ์โควิดจบลง

ธุรกิจบ่อนพนันและขบวนการขนย้ายแรงงานเถื่อน

จะไม่กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน