คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

จับตาศึกซักฟอก ช่วงรัฐบาล‘ขาลง’ – เป็นประเด็นการเมืองแทรกเข้ามาท่ามกลางสถานการณ์โควิด

จากบทสรุป 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ประกาศเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 25 มกราคม

โดยครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล

ฝ่ายค้านคาดหวังว่าเมื่อยื่นญัตติไปแล้ว นายชวน หลีกภัย ประธานสภาน่าจะบรรจุญัตติได้ไม่เกินสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์

หากเป็นไปได้ฝ่ายค้านจึงอยากให้ระเบิดศึกซักฟอกครั้งนี้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เพื่อจะได้อภิปรายต่อเนื่อง 3 วัน พุธ-พฤหัสฯ-ศุกร์ ซึ่งกำลังดี แต่หากเนื้อหายังไม่หมด ก็สามารถอภิปรายต่อวันเสาร์ แล้วไปลงมติในวันรุ่งขึ้น

สำหรับเนื้อหาการอภิปรายครั้งนี้ แกนกลางของเรื่องคงหนีไม่พ้นสถานการณ์ โควิด

ส่วนที่จะแตกแขนงเป็นกิ่งก้านใหญ่ๆ คือ เรื่องบ่อนพนัน และการลักลอบขนแรงงานเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐในหลายระดับเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการ ส่งผลให้เกิดการระบาดของโควิดรอบใหม่

เชื่อมต่อไปถึงประเด็นการจ่ายเงินเยียวยาให้ลูกจ้างและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ การจัดซื้อวัคซีน การโยกงบจัดซื้ออาวุธของกองทัพมาช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ยังมีความล้มเหลวในการแก้ฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ที่ลอยแพปล่อยให้ประชาชนต่อสู้ปัญหาด้วยตัวเอง

ปัญหาการบริหารงบประมาณแผ่นดินในหลายโครงการ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี กว่า 5.2 แสนล้าน ความคุ้มค่าโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงประเด็นรถไฟฟ้าสาย สีเขียว ที่รัฐบาลมีความพยายามจะต่ออายุสัมปทานให้กับเอกชนไปอีก 30 ปี ทั้งที่ยังเหลืออายุสัมปทานอีก 9 ปี โดยเอาเรื่องค่าโดยสารที่ประชาชนต้องจ่ายสูงสุดถึง 158 บาท มาเป็นข้อต่อรองกับสังคม

หากดูจากหัวข้ออภิปรายก็จะเห็นภาพชัดเจนว่า รัฐมนตรีคนใดบ้างอยู่ในข่ายถูกฝ่ายค้านเปิดอภิปรายซักฟอก รายบุคคล

ถึงกระนั้นเป้าหมายใหญ่สุดของฝ่ายค้านก็ยังคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีแต่ละคนเข้ามาร่วมหัวจมท้าย

แม้หลายคนจะวิเคราะห์คาดการณ์ การอภิปรายซักฟอกครั้งนี้คงไม่ทำให้รัฐบาลล้มทั้งยืน หรือถึงขั้นล้มครืนในพริบตา แต่รัฐบาลก็ประมาทไม่ได้

เพราะขึ้นชื่อว่าอยู่ในช่วง ‘ขาลง’ แล้ว

อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน