คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โควิดVSรัฐบาล – น่าจะเป็นไปตามที่หลายคนประเมิน
การอภิปรายไม่ไว้ใจรัฐมนตรีรายบุคคล 10 คนที่จะมีขึ้นกลางเดือนก.พ.นี้ ฝ่ายค้านจะวางน้ำหนักไปที่เรื่องสถานการณ์โควิดเป็นหลัก
ซึ่งนอกจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องรับศึกหนัก อันดับรองลงมาคงหนีไม่พ้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ทั้ง 2 คนต้องกอดคอกันตอบคำถาม
นอกจากเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ที่ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับเลข 3 หลัก โดยเฉพาะระยะหลังตัวเลขแกว่งขึ้นลงอยู่ในกรอบ 700-900 คนต่อวัน แถมยังมีกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ๆ งอกขึ้นมาไม่จบ อย่างเช่น กรณีดีเจมะตูม เป็นต้น
กับที่กำลังเป็นประเด็นร้อน กรณีจัดซื้อวัคซีน อาวุธต่อกรเชื้อไวรัสมรณะ เป็นความหวังสูงสุดในการคืนวิถีชีวิตปกติให้ประชาชนไทยทุกคน
แต่ปรากฏว่าล่าสุด นายอนุทินออกมายอมรับวัคซีนล็อตแรกจากแอสตราเซเนกา 5 หมื่นโดส เข็มแรกอาจไม่ทันวันที่ 14 ก.พ.นี้ตามที่เพิ่งประกาศคุยโม้เอาไว้
โดยอ้างติดขัดขั้นตอนเอกสารและการขึ้นทะเบียน เนื่องจากประเทศผู้ผลิตยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ ประกอบกับทางสหภาพยุโรป หรือ อียู จำกัดการส่งออกวัคซีน ไม่ให้ออกนอกเขตอียู
Advertisement
“ยืนยันว่าไม่ได้ติดขัดจากเรา แต่ติดขัดที่ต้นทาง เรากำลังพยายามเจรจาอยู่ และพยายามทำทุกอย่างไปหมดแล้ว หากจะเกิดปัญหาก็นอกเหนือการควบคุม”
นายอนุทินยังอ้างแผนปกติเรื่องวัคซีนว่าไทยพร้อมใช้ในช่วงเดือนมิ.ย.ตามที่สั่งผลิตจากแอสตราเซเนกาไว้
การให้สัมภาษณ์ชักเข้าชักออกเรื่องวัคซีน บังเอิญสอดรับกับสิ่งที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาจุดพลุตั้งข้อสงสัยรัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนรายเดียวผูกขาดการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาในไทย
เปิดประเด็นส่งต่อพรรคก้าวไกล นำเรื่องไปขยายผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขณะที่รัฐบาลพยายามจะชี้แจงตอบโต้นายธนาธรนอกสภา แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก
จึงต้องจับตารอดูอีกทีว่าจะตอบคำถามฝ่ายค้านในสภาได้ชัดเจนมากน้อยขนาดไหน
เอาตัวรอดได้ หรือโดนน็อกกลางสภา
ต้องลุ้นกันชนิดห้ามกะพริบตา
