คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สิ่งที่‘พูด’กับสิ่งที่‘ทำ’ – ผ่านฉลุยไปตามคาด สำหรับผลโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ และรัฐมนตรีทั้ง 10 คน ที่ไม่มีใครถูกน็อกต้องพ้นจากตำแหน่ง
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีประเด็นให้ได้ทบทวนตีความในอีกหลายประเด็น ทั้งเรื่องความขัดแย้งภายในของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ที่เริ่มมีกระแสกดดัน ให้ปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี
ซึ่งก็ต้องดูว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะผ่านความขัดแย้งครั้งนี้ได้อย่างไร มีรัฐมนตรีคนไหนต้องเป็นเครื่องเซ่นสังเวย หรือจะมึนๆ เฉื่อยๆ ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป ตามความถนัดดั้งเดิม หรือปรัชญาการบริหารแบบไม่บริหาร
แต่ที่น่าสนใจมากที่สุด ก็คือเนื้อหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยข้อมูล ใบเสร็จ ของความไม่ชอบมาพากล
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ สวมหมวกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ซื้อของแพงกว่าร้านค้าออนไลน์ถึง 3 เท่า
เรื่องเหมืองทองอัครา ที่ถูกตั้งคำถามกรณีเอาผลประโยชน์ชาติไปประเคนให้บริษัทเอกชน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกฟ้องดำเนินคดี
กรณีเรื่องคุณธรรมจริยธรรม การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เรื่องตั๋วตำรวจที่ฟังแล้วก็ต้องครางฮือ ว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยจริงๆ
Advertisement
รวมกับอีกหลายเรื่องที่นำมาซักฟอกกลางสภา
ซึ่งไม่มีคำตอบใดๆ จากรัฐบาล หรือจะเรียกว่าตอบไม่ตรงคำถาม หรือถามไม่ตรงคำตอบ
มีเพียงคำพูดเลื่อนลอยอวดอ้างความเป็นคนดี แต่กลับกลวงโบ๋ในเรื่องของเนื้อหาสาระ
จนอดคิดถึงวรรคทองของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ ที่ระบุว่าไว้ว่า “ถ้านักการเมืองไทยหยุดโกงเพียง 2 ปี ถนนประเทศไทยจะปูด้วยทองคำ ก็ยังทำได้”
แล้วทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นรัฐบาลมาแล้ว 7 ปี มีแต่ความดีงาม ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ไม่โกงกิน ตามที่กล่าวอ้าง
บ้านเมืองทำไมมันถึงย่ำแย่ทรุดโทรม เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนเหนื่อยยากลำบากกันทุกหย่อมหญ้า
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น!??
หรือจริงๆ แล้วสิ่งที่ ‘พูด’ กับสิ่งที่ ‘ทำ’ มันสวนทางกัน
คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ!