คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
แก้ปัญหาบางกลอย – ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก สำหรับท่าทีและปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ต่อกรณีของชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ในการบุกไปจับกุมถึงบ้านใจแผ่นดิน พร้อมแจ้งข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ส่งตัวคุมขังในเรือนจำ
สะท้อนถึงความไม่เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง ตื้นเขินในแนวคิดไร้ความรู้ ตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติการจนถึงผู้ที่กำหนดนโยบาย
เพราะปัญหากรณีนี้เป็นเรื่องซับซ้อน ที่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์เสียก่อน ว่าชาวกะเหรี่ยงเหล่านี้อยู่ในที่ดังกล่าวตั้งแต่ก่อนที่จะประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสียอีก
แต่เมื่อรัฐบาลกำหนดให้เป็นเขตป่า ก็กวาดต้อนบุคคลเหล่านี้ลงมาจากแผ่นดินเกิด ส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิตการทำมาหากิน
คิดว่าเป็นคุณพ่อรู้ดี สั่งสอนในเรื่องที่ตัวเองก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจ
ท่องคาถาสร้างมายาคติว่าคนกลุ่มนี้ทำให้ป่าเสียหาย ปฏิเสธความจริงว่าชาวพื้นเมืองเหล่านี้อยู่กับป่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีแต่การอาศัยเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
หลีกเลี่ยงความจริงที่จะพูดถึงว่า ป่าไม้ที่ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่ฝีมือของชาวบ้านเหล่านี้
Advertisement
แต่เป็นนายทุนยักษ์ใหญ่ ที่ได้รับใบอนุญาตทำลายป่า และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ ภายใต้คำว่า ‘สัมปทาน’
ไม่มองเลยว่าวิถีชีวิตของคนเหล่านี้เรียบง่าย ไม่มีชาวบ้านที่ไหนมีเรือนไม้สัก หรือไม้หวงห้ามเต็มบ้าน เหมือนบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ที่อ้างความเป็นคนดี มาครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัว
ที่สำคัญการดำเนินคดีก็ช่างแตกต่างกับพวกส.ส.ที่ถูกข้อหารุกป่า ไม่แปลกที่จะมองว่าเป็นเรื่อง 2 มาตรฐาน
ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเริ่มต้นด้วยความรู้ ความเข้าใจเรื่องสิทธิของชุมชน ตลอดจนเข้าใจถึงโอกาสการเข้าถึงทรัพยากรของประชาชนคนธรรมดา
การเอาพวกตีนไม่ติดดิน คิดว่าความเดือดร้อนของประชาชนเป็นแค่เรื่องดราม่า มาแก้ปัญหา จึงผิดฝาผิดตัว ไม่มีวันแก้ได้
และถ้าไม่สำนึกปรับเปลี่ยนแนวทาง ก็รังแต่จะสร้างความเสียหายให้เพิ่มเติมทวีคูณ
เตือนสติกันไว้ก่อนที่จะสาย เกินไป!??
รุก กลางกระดาน