แก้รัฐธรรมนูญแบบ‘คนละครึ่ง’ – หลังฝ่ายอำนาจพยายามสร้างอภินิหารครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อหยุดยั้งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้เป็นประชาธิปไตย
ล่าสุดด้วยการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือส.ส.ร. ขึ้นมาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้หรือไม่ ทั้งที่ประเด็นดังกล่าวผ่านการลงมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภาวาระ 2 แล้วเรียบร้อย
และไม่ว่าผลวินิจฉัยที่ศาลฯ นัดอ่านวันนี้ (11 มี.ค.) ออกมาอย่างไร
ได้ลืมตามาดูโลกหรือถูกจับทำแท้ง ฝ่ายประชาธิปไตยหรือฝ่ายอำนาจจะ ได้เฮ
หรือคำวินิจฉัยจะออกมาแบบกลางๆ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เช่น วินิจฉัยแล้วว่ารัฐสภามีอำนาจตั้งส.ส.ร.ได้ แต่ที่ไม่ได้คือการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ หรือพูดให้ชัดคือหากจะจัดทำร่างใหม่ ก็ต้องเป็นการแก้ไขแบบรายมาตราเท่านั้น เป็นต้น
มีการประเมินล่วงหน้า คำวินิจฉัยโดยยึดหลัก ‘คนละครึ่ง’ คือไม่มีใครได้ทั้งหมด ไม่มีใครเสียทั้งหมด น่าจะเป็นทางออกจากวิกฤตการเมืองขณะนี้ได้ดีที่สุด
ไม่เช่นนั้นหากตัดสินออกมาชนิดฝ่ายอำนาจได้รับประโยชน์เต็มๆ ฝ่ายเดียว ก็มีคนเป็นห่วงอาจจะเกิดการประท้วงต่อต้านจากอีกฝ่ายลุกลามทั่วประเทศ
ส่วนใครคาดหวังว่าส.ส.ร.ที่มาจาก การเลือกตั้งโดยตรง ควรมีอำนาจร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ อาจเป็นการคาดหวังสูงเกินไป
เพราะฝืนกับความเชื่อที่ว่าฝ่ายอำนาจพยายามใช้เครือข่ายกลไกทุกอย่างในมือ เพื่อสกัดการมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยเต็มใบให้ได้
หากสกัดไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สกัดได้ครึ่งหนึ่งก็ยังดี คือให้ตั้งส.ส.ร.ได้ แต่ต้องแก้ไขแบบรายมาตรา ห้ามรื้อร่างใหม่ทั้งฉบับ
ด้วยคำวินิจฉัยแบบคนละครึ่งนี้เอง ฟังจากคำให้สัมภาษณ์ของแกนนำฝ่ายค้านบางคนก็บอกว่าอยู่ในวิสัยพอรับได้
พูดง่ายๆ คือเข้าทำนองกำขี้ดีกว่ากำตด พร้อมถอยหลังกลับไปเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราอีกครั้ง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ฝ่ายค้านคงคาดคะเนไว้บ้างเหมือนกัน ว่าคงไม่ถึงขนาดหักด้ามพร้าด้วยเข่า
เพราะดูจากสภาพความเป็นจริงทางการเมืองตอนนี้มีไฟหลายกองลุกโชนอยู่แล้ว ขืนเติมไฟรัฐธรรมนูญเข้าไปอีกกองใหญ่
ฝ่ายอำนาจก็ไม่รู้จะเอาอยู่หรือเปล่า?
มันฯ มือเสือ