ทิ้งหมัดเข้ามุม : จากโฮปเวลล์ ถึงรถไฟฟ้า
โฮปเวลล์ ถึงรถไฟฟ้า – เป็นประกายแห่งความหวังที่ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง สำหรับคดีค่าโง่โฮปเวลล์ ที่รัฐบาลไทยมีภาระต้องชำระให้คู่กรณีตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่าการนับอายุความของศาลปกครองไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
เปิดโอกาสให้กระทรวงคมนาคมรื้อฟื้นคดีขึ้นมาได้อีก และอาจจะไม่ต้อง เสียค่าโง่กว่า 2 หมื่นล้าน
ซึ่งรายละเอียดของคดีคงต้องว่า กันไปตามกระบวนการ แต่บุคคลที่ควรได้รับเครดิตจากเรื่องดังกล่าวก็หนี ไม่พ้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
ที่ก่อนหน้านี้แม้จะมีกระแสไม่เห็นด้วยว่าทำไมไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองให้เรียบร้อยแต่ด้วยความยืนหยัดในข้อกฎหมายตั้งกรรมการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
ส่งผลให้ ‘โอกาส’ ดังกล่าวเกิดขึ้นและหวังว่าจะมีบทสรุปที่ดีสำหรับทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเรื่องในความรับผิดชอบดูแลของกระทรวงคมนาคม อีกมากที่ยังรอการคลี่คลาย
หนึ่งในนั้นก็คือปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ติดขัดในเรื่องการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับการยื่นซองประมูล
แต่ในที่สุดศาลปกครองเองก็มีคำสั่งจำหน่ายคดีเรียบร้อย
เท่ากับว่าไม่มีข้อผูกมัดใดที่จะทำให้โครงการดังกล่าวต้องล่าช้าลง
หากยึดมั่นในกรอบของกฎหมาย กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฟ้ามวลชนแห่งประเทศไทย ย่อมต้องเดินหน้าต่อไปทันที
เพราะการเสียเวลาเท่ากับการสูญเสียโอกาสอีกหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการพื้นฐานของประเทศหรือตัวเลขด้านการลงทุน
อย่าปิดกั้นโอกาสให้ประเทศได้เดินหน้าต่อ!??
เช่นเดียวกับเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีปัญหาการขอขยายสัมปทาน และการเรียกเก็บค่าโดยสารถึง 104 บาทต่อเที่ยวที่รัฐบาลต้องสั่งชะลอไว้ก่อน
ก็จำเป็นต้องทำให้ชัดเจนโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ
และหากไม่สามารถหาข้อตกลงกับบริษัทเอกชนได้จริงๆ การพึ่งอำนาจศาล เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งก็เป็นอีก ช่องทางยุติปัญหาได้อย่างมีหลักการ
เร่งแก้ปัญหาที่คาราคาซัง แล้วให้ประเทศได้เดินหน้าต่อสักที!!!
โดย สิทธิรักษ์ ศาสตรา