‘ตู่-เต้น’ออกโรงหวนคืนยุทธจักร – หวนคืนสู่ยุทธจักรเคลื่อนไหวทางการเมืองในเวลาใกล้เคียงกัน
สำหรับ ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ กับ สองอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการหรือนปช.เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต้องโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน คดีชุมนุมปิดล้อมบ้าน ‘ป๋าเปรม’ อดีตประธานองคมนตรีผู้ล่วงลับ
ได้รับการลดโทษ และพักโทษตามเกณฑ์ปล่อยตัวจากเรือนจำเดือนธันวาคม 2563
กระทั่ง 29 มีนาคมที่ผ่านมา ครบกำหนดวันต้องโทษ ถอดกำไลอีเอ็ม ได้รับอิสรภาพคืนโดยสมบูรณ์
เจ้าตัวแถลงยืนยันจุดยืนทางการเมืองยังเป็นเช่นเดิม “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”
ทั้งกล่าวถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมของนักศึกษา ประชาชนคนหนุ่มสาวที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องต้องการการเปลี่ยน แปลงเพื่อกำหนดอนาคตตนเอง
“เมื่อคนหนุ่มสาวที่ออกมาต่อสู้ถูกกระทำ ผมมีท่าทีและจุดยืนอย่างอื่นไม่ได้ ต้องยืนเคียงข้างพวกเขาและประชาชน”
ท่ามกลางสถานการณ์แกนนำผู้ชุมนุมถูกฝ่ายอำนาจกวาดจับยัดคุกตะรางด้วยข้อหามาตรา 112
ย่างก้าวหลังได้รับอิสรภาพของ นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จึงเป็นที่คาดหวังและจับตา
“ผมจะไม่ลงไปเป็นแกนนำม็อบนักศึกษา แต่หากอนาคตมีสถานการณ์จำเป็นหรือไม่มีวิธีการอื่น ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต”
ในจังหวะเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก่อนหน้าไม่กี่วัน เปิดตัวแสดงจุดยืนภายใต้คำว่า “สามัคคีประชาชน”
ตั้งเป้าหมายจู่โจมไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยวิธีตรงไปตรงมา
นายจตุพรมองว่าเหตุการณ์ประ เทศไทยตั้งแต่ยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 ร่วม 7 ปีที่ผ่านมา คนไทยอยู่ในสภาพถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง พล.อ.ประยุทธ์ที่ประกาศตั้งแต่ยึดอำนาจจนถึงตอนนี้ไม่สามารถทำได้แม้เพียงเรื่องเดียว
ไม่ว่าสร้างความสามัคคีคนไทย ในชาติ เรื่องปฏิรูปประเทศ และล่าสุดก็เบี้ยวแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ปัญหาหลักจึงอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัญหาเรื่องมาตรา 112 ก็อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์เคยแถลงว่าจะไม่ใช้มาตรา 112 พอตอนหลังก็กลับคำพูด ดังนั้น วันที่ 4 เมษายน เวลา 16.00 น. ขอนัดที่อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35
เพื่อหารือจัดการกับพล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่หมัด
ส่งสัญญาณเดือนเมษาฯ การเมืองนอกสภาร้อนฉ่าแน่นอน
มันฯ มือเสือ