ใหญ่สุดในโลกแต่ไร้ความหมาย
ทิ้งหมัดเข้ามุม
เป็นความรู้สึกบอกไม่ถูก
นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประกาศวันที่ 1 พ.ค.นี้ รัฐสภาจะเปิดใช้อาคารเต็ม รูปแบบหลังก่อสร้างมานาน 8 ปีเต็ม
เป็นอาคารรัฐสภาใหญ่ที่สุดในโลก
เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 56 วงเงินราว 12,000 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 424,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่ 120 ไร่ ตัวอาคาร 11 ชั้น มีห้องประชุม พระสุริยัน สำหรับประชุมส.ส.และประชุมร่วมรัฐสภา ห้องประชุม พระจันทราสำหรับประชุมส.ว.
แต่ที่นางพรพิศไม่ได้บอก รัฐสภาแห่งนี้เสร็จล่าช้าจากกำหนดที่เคยแจ้งไว้ตั้งแต่ 24 พ.ย.58 เพราะมีปัญหายุ่งเหยิงเรื่องส่งมอบพื้นที่และปรับ รายละเอียดแบบก่อสร้าง
ทำให้บริษัทรับเหมาต้องขยายเวลาถึง 4 ครั้งในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ครั้งแรกขยาย 387 วัน อ้างเหตุผลเรื่องส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ครั้งที่สอง 421 วัน อ้างเรื่องการระบายดินเพื่อสร้างชั้นใต้ดิน ครั้งที่สาม บริษัท ซิโน-ไทยฯ ผู้รับเหมาขอขยาย 926 วัน อ้างปัญหาการส่งมอบพื้นที่โรงเรียนโยธินบูรณะ แต่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ให้แค่ 674 วัน
แต่ไม่จบ มีการขอขยายครั้งที่สี่อีก 382 วัน อ้างเหตุการจัดหาผู้รับจ้างงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) อีกทั้งงานสาธารณูปการ งานประกอบอาคารและภายนอกอาคารล่าช้า
รวมเบ็ดเสร็จ 4 ครั้ง 1,864 วัน คิดเป็น 3 เท่าจากเวลาเดิมในสัญญาหลักที่กำหนดเสร็จสิ้นใน 900 วัน
คือแทนที่จะเสร็จตั้งแต่ปลายปี 58 ก็มาเสร็จปลายปี 63 แล้วมาสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์วันที่ 1 พ.ค.64
อาคารรัฐสภาไทยแห่งใหม่ เรียกว่า “สัปปายะสภาสถาน” หมายถึง สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย
รัฐสภาเป็นสถาบันทางการเมือง มีความสำคัญต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นสถาบันออกกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปกครอง การบริหารงานของรัฐบาล รวมทั้งทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชน
ตึกคืออิฐหินปูนทราย ถ้านักการเมือง ส.ส.-ส.ว.ที่อยู่ในตึก ไม่ได้มา ตามวิถีทางประชาธิปไตยถูกต้อง ประพฤติตนไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม กลับกลอก ทุจริตคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวก กดขี่ข่มเหง คุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน
ตึกใหญ่โตหรูหราแค่ไหน ก็ดูกระจอกอยู่ดี
มันฯ มือเสือ