พลังขับของรัฐบาล

คอลัมน์ทิ้งหมัดเข้ามุม

พลังขับของรัฐบาล – ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่ชาวบ้านทั่วไปให้คำจำกัดความการทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ว่า ‘ขับเคลื่อนได้เพราะแรงด่า’

เพราะมีหลากหลายกรณีที่รัฐบาลดำเนินการไป ยืนหยัดชัดเจนไปแล้ว แต่เมื่อกระแสสังคมไม่พึงพอใจ และตั้งคำถาม ก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างกรณีวัคซีนโควิด นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาตั้งคำถาม เตือนด้วยความหวังดีเรื่องการจัดเตรียมวัคซีนที่ล่าช้าและไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการ ‘แทงม้าตัวเดียว’ ทุ่มไปที่แอสตราเซเนกา โดยไม่สนใจวัคซีนตัวอื่น

ตอนแรกก็ขึงขัง แจ้งจับเอาผิดนายธนาธรเสียอีก พร้อมประกาศความพร้อมดูแลการแพร่ระบาด โควิดได้

แต่เพียงไม่กี่เดือน สถานการณ์ที่เป็นห่วงก็เกิดขึ้นจริง ตัวเลขผู้ติดเชื้อวันละพัน และพุ่งเกินวันละ 2 พันคน จนต้องถอยกรูดตั้งหลักแทบไม่ทัน

แถมมาเจอการสอนมวยจากอดีต นายกฯ ทักษิณเข้าไปอีกดอก

กลายเป็นมวยเมาหมัดทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว!??

ดีที่อย่างน้อยก็ยังปรับเปลี่ยนแนวทาง เร่งเจรจาเอาวัคซีนรัสเซีย เอาวัคซีน ไฟเซอร์เข้ามาในไทย ถึงขั้นรมว.สาธารณสุข ประกาศจะให้กราบก็ยอม

พร้อมแก้ไขหลักเกณฑ์ทุกอย่าง แก้กฎทุกข้อที่เป็นอุปสรรคในการนำเข้า เปลี่ยนท่าทีจากเดิมไปจนหมดสิ้น

แม้จะยังไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัดว่าจะมาถึงไทยเมื่อไหร่ และต้องจ่ายในราคาสูงเพียงใด แต่ก็แสดงว่ายังมีความพยายามจัดหาวัคซีนอยู่บ้าง

เพียงแต่ทำไมต้องให้ถูกตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์ แล้วถึงจะขับเคลื่อนได้!??

อย่างไรก็ตามกรณีนี้อยากให้ถือเป็นบทเรียนของรัฐบาล ให้มีความรู้ในเรื่องบริหารสถานการณ์วิกฤตมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งการรับฟังความเห็นที่เป็นประโยชน์จากหลากหลายฝ่าย โดยเฉพาะคนที่มีประสบการณ์

เหมือนที่ดำเนินการตามที่นายทักษิณให้แนวทางไว้

แน่นอนแม้พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ยอมรับ แต่การปฏิบัติก็พอจะเห็นอยู่ว่าอย่างน้อยก็ยังฟังดร.โทนี่ ไม่ได้ฟังแค่ดร.เสกสกล คนใกล้ตัว

ประชาชนก็ยังจะพอมีความหวังที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้าง !!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน