โควิดนำมาเรื่องเศร้าสลด
“น้าค่อม” ตลกชื่อดัง ป่วยติดเชื้อเข้ารับการรักษาตัวนาน 19 วัน เสียชีวิตเช้าวันศุกร์ 30 เม.ย.
ตอนเป็นข่าวแรกๆ เกิดดราม่าย้ายโรงพยาบาล กับนักแสดงตลกรุ่นหลานอัดคลิปยกมือไหว้วอนขอ แพทย์เก่งๆ หรือแพทย์ที่เคยรักษาผู้ว่าฯสมุทรสาครจนหาย ให้มาช่วยรักษา
จนเกิดเสียงวิจารณ์กระหึ่มโซเชี่ยล
นำไปเปรียบเทียบกรณี “อาม่า” ติดโควิด นอนป่วยรอเตียงอยู่หลายวัน จนเสียชีวิตคาบ้าน
สะท้อนไกลถึงความเหลื่อมล้ำ แบ่งแยกชนชั้น สังคมอุปถัมภ์
มากกว่านั้นคือคำถาม ต้องมีรัฐบาลแบบไหนถึงนำพาสถานการณ์โควิดมาถึงจุดนี้
ดารา “หมิว สิริลภัส” โพสต์ถึงการบริหารจัดการโควิดของรัฐบาล 1 ปี ที่ผ่านมา
ไม่ใช่แค่น้าค่อมที่ไม่ควรจากไปด้วยโรคนี้ ทุกคนไม่ควรมีใครต้องสูญเสียอีกแล้ว
1 ปีที่ผ่านมากับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดของรัฐบาล วันนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนมากๆ ว่า “ไม่มีประสิทธิภาพ” วัคซีนที่ควรจัดหามาให้ได้ครอบคลุม การดูแลรักษาผู้ป่วย
ทุกอย่างบ้งไปหมด
1 ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียกับการล็อกดาวน์ เอะอะปิด เอะอะสั่งห้ามนู่นนี่ เราทำตามทุกอย่าง แต่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
การจากไปของคนหนึ่งคนไม่ใช่แค่การสูญเสีย แต่คือการสร้างบาดแผลในใจให้กับคนรอบตัวเขาอีกกี่คน พวกท่านๆ ทั้งหลายเคยคิดถึงความรู้สึกประชาชนที่เขาต้องสูญเสียกัน บ้างมั้ย
“หรือมัวแต่จะดื้อด้าน ดึงดัน ทำให้ประเทศพังไปยิ่งกว่านี้ ขอ 1 คำถามส่งไปถึงข้างบน ประชาชนจะฝากความหวังไว้กับใครได้บ้างหรือถึงเวลาที่ต้องเอาตัวรอดกันเอง กลียุคแล้ว”
ด้านหนึ่งการตายของ “อาม่า” และ “น้าค่อม” จึงสะท้อน
ไม่ว่าประชาชนคนธรรมดา ไม่มีเส้นสาย หรือคนดังมีชื่อเสียง
ภายใต้การบริหารจัดการปัญหาไร้ประสิทธิภาพ ไม่รู้จักสรุปบทเรียน การขาดวิสัยทัศน์ของผู้นำและรัฐบาล
ความสูญเสียจากโควิด จึงเสมอภาคเท่าเทียม
เพียงช้ากว่า หรือเร็วกว่าเท่านั้น
มันฯ มือเสือ