ทำไมอยากย้ายไปอยู่ประเทศอื่น – สื่อพาดหัวนิวไฮแล้วนิวไฮอีก สำหรับสถานการณ์โควิดในไทย

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญประมาณการล่วงหน้า ช่วงปลายเม.ย.ต่อเนื่องต้นพ.ค. จะเป็นช่วงพีกสุดของการระบาด

วันจันทร์ที่ผ่านมาตัวเลขผู้ป่วยใหม่กลับมาทะลุเกิน 2,000 อีกครั้ง

โหดกว่านั้นคือ ผู้เสียชีวิตวันเดียว 31 ราย มากสุดตั้งแต่เกิดโควิดในไทยต้นปี 2563 เป็นต้นมา

ที่สำคัญไม่รู้จะเป็นนิวไฮสุดท้ายหรือไม่

เนื่องจากในจำนวนผู้ติดเชื้อระลอกสาม 42,000 กว่าราย เป็นผู้ป่วยอาการหนักเกือบ 1,000 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเกือบ 300 ราย เห็นตัวเลขแล้วก็น่าใจหาย

สถานการณ์โควิดมาถึงจุดนี้ สังคมได้บทสรุปตรงกัน

ว่าการลุกลามของปัญหาเกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการ ของคณะรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล่าสุดยังได้ดึงเอาอำนาจตามพ.ร.บ. 31 ฉบับไปไว้กับตัวเอง

หวังจะแก้ปัญหาได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากขึ้น

ถามว่าการรวมศูนย์อำนาจแก้ปัญหา ไว้ที่ผู้นำคนเดียว ถูกต้องหรือไม่ แน่นอนยังไม่มีใครรู้ ต้องรอผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ชี้วัด

ถึงกระนั้นมีบางคนมองว่า กับปัญหาโควิด วันนี้สิ่งที่ผู้นำต้องทำไม่ใช่การรวบอำนาจไว้กับตัว แต่ต้องกระจายอำนาจออกไปอย่างมีระบบ มีกรอบนโยบายใหญ่ที่ชัดเจนของรัฐบาลเป็นตัวกำกับ

ไม่ใช่กระจายอำนาจให้ต่างคนต่างทำ เหมือนช่วงสงกรานต์ที่บางจังหวัดให้กักตัว ล็อกดาวน์ แต่บางจังหวัดไม่ได้ทำ ยังเปิดฟรีเรื่องเดินทางไปมาหาสู่ การจัดงานบุญ งานรื่นเริง ทุกอย่างไม่สอดประสาน สะเปะสะปะกันไปหมด

พอจบเทศกาลก็เลยเป็นเรื่อง

หรือบางคนก็มองว่าการรวมศูนย์อำนาจบริหารงานนั้น

ถ้าหากรวมไว้กับผู้นำที่มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล การรวมศูนย์อำนาจจะไม่เกิดปัญหา เป็นผลดีด้วยซ้ำไป

แต่หากรวมไว้กับผู้นำที่ไม่เก่ง ขาดวิสัยทัศน์ ความรู้ความสามารถ เอาตัวเอง เป็นใหญ่ ไม่ฟังประชาชน ขาดทักษะ ในการสื่อสารกับสังคม

ผู้นำก็อาจกลายเป็นตัวปัญหาเสียเอง สุดท้ายทุกอย่างในประเทศก็จะพัง

เมื่อนั้นคนในสังคมก็จะออกมาขับไล่

หรือไม่ก็พยายามหาลู่ทางย้ายไปอยู่ประเทศอื่นให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน