คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และผอ.ศบค. รวบอำนาจพ.ร.บ. 31 ฉบับจากรัฐมนตรีทุกกระทรวงมาอยู่ในมือตัวเอง อ้างเจตนาเพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จนทำให้บทบาทของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ดร็อปลงไป

นายอนุทินพยายามหาซีนใหม่โดยมุ่งไปที่เรื่องวัคซีน หัวใจหลักในการต่อกรกับโควิด แต่ก็คืบหน้าไปไม่ถึงไหน ยังไม่มีอะไรชัดเจน

ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เพียงตั้งตัวเองเป็นผอ.ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ยังแต่งตั้งพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) อยู่แล้ว ให้เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจบูรณาการงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขอีกตำแหน่ง

ก็ต้องติดตามกันต่อว่าการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ การเอาทหาร เอาฝ่ายความมั่นคง ซึ่งที่ผ่านมาทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วมาตลอด มาคุมงานด้านการแพทย์ ด้านการสาธารณสุข ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่ ผ่านมาเดือนกว่าประชาชนเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อนาคตก็ไม่รู้ว่าจะตายเพราะโควิด หรือตายเพราะเศรษฐกิจ

แล้วก็ยิ่งเครียดมากขึ้นไปอีกที่นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์วันที่ 11 พ.ค. พร้อมกันทั่วประเทศ

จุดประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เกิดความเครียด การสวดมนต์ทำสมาธิจะช่วยทำให้จิตใจสงบ มีสติในการใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัล ให้กำลังใจกันและกัน เพื่อก้าวผ่านวิกฤต ไปให้ได้

หากจะว่าไปก็ถือว่ามีเจตนาดี อยากให้คนมีกำลังใจ ไม่ใช่การสวดมนต์ปัดเป่าโควิด

เพียงแต่มันผิดจังหวะเวลา เพราะถ้าพูดกันตามตรง ตอนนี้คนส่วนใหญ่ต้องการกำลังเงิน มากกว่าต้องการกำลังใจ

พอได้ยินรัฐบาลชวนสวดมนต์ ก็เลยได้แต่กลอกตามองบน แอบประชดประชันในใจ

นี่ไง ประเทศไทยต้องชนะ?

โดย มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน