คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศแผนการกระจายวัคซีนเป็น ‘วาระแห่งชาติ’

ดีเดย์ 7 มิ.ย. เริ่มฉีดวัคซีนทั้งระบบให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ลงทะเบียนไว้แล้วและกำลังจะลง

ก็ปรากฏว่าวันจันทร์ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ารับ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มสอง

โรงพยาบาลหลายแห่งประกาศเลื่อนนัดการรับวัคซีนเข็มสองของ แอสตร้าฯ ออกไป และหากใครจะฉีดเข็มแรกตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.เป็นต้นไปจะมีแค่วัคซีนซิโนแวคให้เท่านั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้โฆษกกระทรวง สาธารสุขยอมรับว่า บางพื้นที่วัคซีนแอสตร้าฯ เริ่มไม่พอจริง มีปัญหาการบริหารจัดการวัคซีนจริง

จากปัญหาดังกล่าวทำให้สังคมวิตกกังวล ประเด็นแรก ผู้ได้รับแอสตร้าฯ เข็มแรกไปแล้ว หากไม่ได้รับเข็มสองในเวลาที่ควรได้

จะมีผลต่อการสร้างภูมิคุ้มกันการ ติดเชื้ออย่างไรหรือไม่

อีกประเด็นที่คนสงสัยกันมากคือ แล้ววัคซีนแอสตร้าฯ จะมาเมื่อไหร่

ถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ก็ตอบได้แค่กว้างๆ ว่าตามสัญญาที่ทำกันไว้ทางแอสตร้าฯ ยืนยันจะส่งมอบให้ในเดือนมิ.ย.

สรุปคือบอกชัดๆ ไม่ได้เช่นกันว่าเป็นวันไหนของเดือนมิ.ย. และจะมาทันวันที่ 7 มิ.ย.หรือไม่

เมื่อเป็นดังนี้จึงเริ่มมีเสียงเรียกร้อง อีกครั้ง ว่ารัฐบาลควรเปิดเผยสัญญา ข้อตกลงและเงื่อนไขที่ทำไว้กับบริษัท ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าฯ ในไทยให้ประชาชนรับรู้ชัดเจน

ถึงการส่งมอบวัคซีนทั้งวันที่และจำนวน เพื่อสังคมได้ร่วมตรวจสอบว่าบริษัทฯ ส่งมอบได้ทันตามกำหนดในสัญญาหรือไม่ ถ้าไม่ทันรัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร

ไม่ใช่ปล่อยให้สังคมคลุมเครืออยู่ท่ามกลางโควิดที่ติดเชื้อ 2-3 พันคนต่อวัน ตายวันละ 20-30 คน

สายพันธุ์อังกฤษ อินเดีย แอฟริกาใต้ ทยอยเข้ามารุมกินโต๊ะประเทศไทย

การยับยั้งความเสียหายและความสูญเสียจากการระบาดของโควิดได้ดีที่สุด

คือการจัดหาวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุดและครอบคลุมมากที่สุด

ให้สมศักดิ์ศรีของการเป็นวาระ แห่งชาติ

ไม่ใช่แค่ลมที่ผายออกมา

มันฯ มือเสือ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน