คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
จัดการวัคซีน – ยังมีเรื่องชวนให้ร้อง อ.ห. เพิ่มเติมได้ทุกวี่วัน สำหรับการบริหารจัดการวัคซีนโควิด
ในขณะที่ผู้ติดเชื้อทะลุวันละ 6 พันคน แถมมีผลการศึกษาจากต่างประเทศแล้วว่าวัคซีนโควิดที่ใช้เชื้อตาย ไม่มีประสิทธิภาพมากนักสำหรับเชื้อกลายพันธุ์
ไม่เหมือนวัคซีน mRNA หรือที่รู้ จักกันว่าโมเดอร์นา และไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพสำหรับกรณีดังกล่าว
จึงไม่แปลกที่เกิดเสียงเรียกร้องให้นำวัคซีนเหล่านี้เข้ามาใช้ในประเทศอย่างรวดเร็วที่สุด
แต่แล้วก็เหมือนว่าผู้มีอำนาจจะไม่ได้ยิน หรือได้ยินก็ไม่ได้ฟัง กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ถึงได้ล่าช้ายิ่งนัก
แต่ละหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นองค์การเภสัชกรรม สำนักงานอัยการสูงสุด หรือโรงพยาบาลเอกชน ต่างโยนกลองกันวุ่นวาย
ในที่สุดก็ถึงบางอ้อว่าส่วนหนึ่งที่ล่าช้า ไม่ทำสัญญาสักที ก็เพราะยังไม่มีเงินไปวาง!??
หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือองค์การเภสัชกรรม ต้องได้รับเงินครบก่อน ถึงจะทำสัญญาได้
น่าตกใจว่าอะไรที่ทำให้เกิดแนวคิดเช่นนี้ ทำไมต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องสำคัญที่เกี่ยวพันชีวิตของประชาชน
หากไม่มีเงินไปวางจริง ก็ควรเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องสำรองจ่าย
และอย่าบอกว่าไม่มีเงิน ที่ผ่านมากู้เงินไปแล้วถึง 1.5 ล้านล้านบาท และพร่ำบอกตลอดว่างบวัคซีนมีไม่จำกัด
แถมเป็นการจ่ายเงินไปก่อน ประชาชนที่สั่งจองก็พร้อมโอน ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องจัดหาให้ด้วยซ้ำ
เรื่องโมเดอร์นา ว่าแย่แล้ว พอมาเจอกรณีวัคซีนไฟเซอร์ ที่สหรัฐบริจาคให้ 1.5 ล้านโดส นี่ยิ่งหนัก
เมื่อเจอเอกสารหลุดมีอาจารย์หมอคัดค้านการฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพราะเกรงจะเป็นเครื่องการันตีว่าวัคซีนซิโนแวคที่ฉีดให้ไร้ประสิทธิภาพ!??
แม้จะเป็นแค่แนวคิด แต่ก็เป็นแนวคิดที่สุดอำมหิต
ทั้งที่รู้ว่าบุคลากรเหล่านี้เป็นคนสำคัญ ถ้าติดเชื้อ เจ็บป่วย คนทำงานก็ขาดหาย ยิ่งในภาวะที่ระบบสาธารณสุขตึงมือ จะส่งผลเสียหายมากน้อย เพียงใด
จึงเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขแนวคิด ยอมรับความจริง ก่อนที่ความเสียหายจะลุกลามบานปลาย
จนถึงจุดที่ฟื้นกลับมาไม่ได้เหมือนเดิม!??
รุก กลางกระดาน