วัคซีนล้มเหลว ประเทศหายนะ : ทิ้งหมัดเข้ามุม
ความล้มเหลวของระบบวัคซีน
ส่งผลให้ไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันกว่า 1 หมื่นราย สะสมเกิน 4 แสน ผู้เสียชีวิต +100 ยอดรวมทะลุ 3 พัน
มาถึงจุดคนไทยทั้งประเทศตกเป็นผู้รับเคราะห์กรรมจากการที่รัฐบาลแทงม้า “แอสตร้าเซนเนก้า” เพียงตัวเดียวในตอนแรก
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความผิดพลาดนำมาสู่ความล้มเหลวในการแก้ไขสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน
รัฐบาล ศบค. กระทรวงสาธารณสุขและหมอยง อาจพูดอย่างภาคภูมิใจว่าไทยเรายังมี “ซิโนแวค” อีกตัว
แต่ก็สวนทางความจริงที่แพทย์และคนจำนวนมากมองว่าซิโนแวคนั้น ไม่ใช่ “ม้า” แล้วก็ปฏิเสธที่จะฉีดวัคซีนตัวนี้
ไม่กี่วันก่อน ธนาคารโลกประจำประเทศไทยปรับตัวเลขประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 64 ลดลงมาที่ 2.2% จากเดิม 3.4% เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา อันเป็นผลจาก 3 ปัจจัยหลักฉุดรั้ง ได้แก่
การระบาดของโควิดอย่างรุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ๆ
มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมและจำกัดการเคลื่อนย้าย ส่งผลลบต่อการบริโภคและการดำเนินธุรกิจ และสุดท้ายคือ
การฉีดวัคซีนที่ล่าช้าและการจัดหาให้เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
รายงานธนาคารโลกชี้ถึงความสำคัญของวัคซีนต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย
เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเครื่องยนต์หลักพลิกฟื้นเศรษฐกิจและกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
“วัคซีนเป็นตัวกำหนดที่จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาได้ รวมถึงการกระตุ้นการบริโภคภาคบริการในประเทศ” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสธนาคารโลก ระบุ
ตอนท้ายของรายงานฉบับนี้ คาดการณ์ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยจะไม่กลับไปอยู่ในระดับก่อนการระบาดจนถึงปี 2565
การฟื้นตัวน่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่สม่ำเสมอ
ความน่าจะเป็นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้ามา ยังอยู่ในระดับต่ำมากจนถึงสิ้นปี
ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้สรุปได้ว่า ความล้มเหลวของระบบวัคซีนที่มีสารตั้งต้นจากความล่าช้า ไม่มาตามนัดของแอสตร้าเซนเนก้า
กำลังส่งผลร้ายแรงเป็นลูกโซ่ถึงความมั่นคงปลอดภัยในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
กระทบต่อระบบสาธารณสุข ระบบเศรษฐกิจของไทย
ให้มาถึงจุดวิกฤตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
มันฯ มือเสือ