หวังพึ่งส.ส.กันได้ไหม – ยังคงไม่ดีขึ้น สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองที่เผชิญกับ โรคระบาดโควิด

แม้รัฐบาลจะใช้ยาแรง ล็อกดาวน์หลายพื้นที่ แต่ยอดผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งสูงเกินหมื่นต่อเนื่อง

ซ้ำยังมาเจอเหตุการณ์การละเมิดสิทธิของประชาชนอย่างรุนแรง อย่างในการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา

แทนที่ประชาชนจะได้แสดงออกถึงข้อเรียกร้องต้องการวัคซีนคุณภาพ กลับต้องเจอกับการฉีดน้ำใส่ กระสุนยาง แก๊สน้ำตา

กลายเป็นคำพูด “อุปกรณ์การแพทย์ไม่เคยครบ แต่อุปกรณ์ การรบไม่เคยขาด”

แถมเป้าหมายในการใช้อาวุธพวกนี้ ก็คือประชาชนคน มือเปล่า!??

ซึ่งในภาวะวิกฤตเช่นนี้ คนที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะผู้รับผิดชอบ คงหนีไม่พ้นรัฐบาล

แต่ยังมีอีกหน่วยงานที่ควรจะเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน อย่างสภาผู้แทนฯ ก็จำเป็นต้องทบทวนตัวเองว่าทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนอย่างสมบูรณ์แล้วหรือยัง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรุนแรงต่อประชาชน ก็มีแค่ส.ส.ฝ่ายค้านที่ออกมาเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง

แต่ส.ส.รัฐบาลกลับเห็นดีเห็นงาม โยนเป็นความผิดของประชาชน ถ้าไม่ออกมาก็ไม่ต้องเปลืองงบปราบม็อบ

นี่มันคำพูดตัวแทนประชาชน หรือเผด็จการ!??

หรือกระทั่งเรื่องโควิด ที่ไม่เห็นการขับเคลื่อนตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาล ตั้งแต่การวางแผนควบคุมโรคระบาด การดูแลรักษา การเข้าสู่ระบบสาธารณสุข หรือกระทั่งการจัดหา จัดซื้อวัคซีนคุณภาพ

สิ่งเหล่านี้สภาสามารถทำได้ผ่านรูปแบบของกรรมาธิการวิสามัญ และก่อนหน้านี้ในปัญหาที่ดูจะเล็กน้อยกว่านี้ ก็ตั้งกัน มาแล้ว

แต่พอเป็นปัญหาระดับชาติ คนตายคาบ้านเพิ่มขึ้นทุกวัน

กลับนิ่งสนิท ทำตัวเป็นพ่อพระ นักสังคมสงเคราะห์ แจกข้าวแจกน้ำ แล้วก็จบภารกิจ

ยังกับว่าจะทำให้ปัญหานี้หายไปได้เอง

อย่างไรก็ตามในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ฝ่ายค้านประกาศจะซักฟอกรัฐบาล เชื่อได้อยู่แล้วว่าจะต้องเต็มไปด้วยข้อมูล ความผิดพลาดต่างๆ จัดหนักแน่นอน

แต่บทสรุปจะเป็นเรื่องฝักถั่ว ชูมือตามใบสั่ง สนับสนุนประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อให้ประเทศเผชิญปัญหาต่อไปตามยถากรรม หรือไม่

ต้องถามใจส.ส.รัฐบาล ว่าใจแข็งหรือใจดำได้เพียงใด

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน