รับผิดชอบกันได้แล้ว
คอลัมน์ทิ้งหมัดเข้ามุม
รับผิดชอบกันได้แล้ว – เป็นคำถามชัดเจนที่พุ่งสู่รัฐบาล ในการหาวิธีแก้ไขวิกฤตโควิด-19 ที่กำลัง คร่าชีวิตคนไทยอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
จำเป็นอย่างยิ่งต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าจะใช้แนวทางใดมาสกัดภัยพิบัติครั้งนี้
เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ปิดแคมป์คนงานเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ในวันที่ 9 ก.ค. ต่อด้วยการ ล็อกดาวน์ 13 จังหวัด ในวันที่ 17 ก.ค.
จนจะสิ้นเดือนอยู่แล้ว แต่ตัวเลข ผู้ติดเชื้อไม่ลดลง แทบทะยานสูงขึ้นเกินหมื่นคนมา 10 วันติด แถมพุ่งเกิน 15,000 ต่อวัน
ขณะที่ระบบสาธารณสุขอ่อนล้า ใกล้ถึงขีดสุด หลายโรงพยาบาลต้องปิดห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยหลายคนไม่สามารถเข้าสู่ระบบการรักษา หรือแม้แต่เข้าสู่การกักตัวเองที่บ้านหรือชุมชน
และในเวลาเดียวกันมีผู้คนมากมายถูกทิ้งให้เสียชีวิตที่บ้าน หรือแม้แต่ ข้างถนน!??
Advertisement
สิ่งเหล่านี้ล้วนตอบได้อย่างชัดเจนว่ามาตรการที่ดำเนินการอยู่นั้น ไม่ได้ผล ล้มเหลว โดยสิ้นเชิง
คำถามต่อไปคือแล้วจะทำอย่างไร ต่อไป?
จะปิดเมืองเข้มงวด ล็อกดาวน์เหมือน อู่ฮั่นโมเดล เหมือนที่เคยพูดเอาไว้หรือไม่ แล้วคิดหรือว่าจะได้ผลเหมือนที่จีนทำเมื่อ ปีที่แล้ว
เพราะถ้าสติยังมี ปัญญายังตื่นรู้ ก็ต้องตระหนักให้ได้ว่าการล็อกดาวน์ที่อู่ฮั่นครั้งนั้น ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การห้ามคนออกจากบ้าน
แต่หมายถึงระบบการช่วยเหลือเยียวยา ส่งข้าวส่งน้ำ ที่มีประสิทธิภาพ ตัดข้อจำกัดการออกเดินทางได้เบ็ดเสร็จ ตั้งโรงพยาบาลสนาม เร่งตรวจเชื้อ คัดกรอง แยกกลุ่มอย่างรวดเร็ว
แล้วรัฐบาลไทยมีปัญญาที่จะทำอย่างนั้นหรือไม่
เอาแค่ปิดแคมป์คนงาน จะส่งข้าว ส่งน้ำยังลำบาก ที่อยู่รอดมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะประชาชนช่วยเหลือกันเองเกือบทั้งนั้น
วัคซีนที่เป็นทางรอด ก็ล่าช้า จนอดสงสัยไม่ได้ว่าไปติดขัดที่ตรงไหน อย่างไฟเซอร์ รมว.สธ.ประกาศพร้อมกราบเพื่อให้ได้มา ตั้งแต่ 7 พ.ค. แต่กว่าจะ เซ็นสัญญา ก็ 20 ก.ค. โมเดอร์นา ผ่าน อย. 13 พ.ค. เซ็นสัญญาซื้อ 23 ก.ค.
และกว่าจะมาจริงๆ เร็วสุดก็เดือนต.ค. หรืออีก 2 เดือน ช้าสุดก็ธ.ค. หรืออีก 5 เดือน
ไม่รู้จริงๆ ว่ากว่าจะถึงเวลานั้นจะมีคนตายไปอีกเท่าไหร่
ในภาวะที่มองไม่เห็นอนาคตเช่นนี้ คงถึงเวลาที่รัฐบาลชุดนี้ต้องแสดงความรับผิดชอบ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
เพราะมีแต่คนโง่และบ้าเท่านั้นที่ยังทำแบบเดิมๆ แล้วหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง
รัฐบาลและนายกฯ จะว่ายังไง!??
โดย รุก กลางกระดาน
