จิตสำนึกของผู้นำ : ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการ ระบาดของโควิด-19 อีก 16 จังหวัด รวมเป็นทั้งหมด 29 จังหวัด
หลังจากผ่านมาตรการล็อกดาวน์ 13 จังหวัดมาแล้วกว่าครึ่งเดือน แต่ตัวเลขไม่ลดลง
แถมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ!??
ซึ่งก็คงต้องจับตาดูว่าแนวทางดังกล่าวว่าจะประสบความสำเร็จได้มากน้อยเท่าใด
เนื่องจากขณะนี้การติดเชื้อแพร่กระจายกันไปเป็นวงกว้าง ไม่มีกลุ่มก้อนคลัสเตอร์ชัดเจน
ล็อกดาวน์อย่างไรก็ไม่ได้ผล!??
Advertisement
การจัดหาวัคซีนคุณภาพสิ คือทาง ออกที่ต้องรีบดำเนินการ
และแม้จะปรากฏเป็นข่าวว่านายกฯ สั่งการให้เร่งจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติม นอกเหนือจากที่รับบริจาค ซึ่งก็คือการไปขอซื้อ
แต่ก็ไม่ได้เห็นภาพชัดเจนว่าจะประสบความสำเร็จเมื่อใด
การสั่งการใดๆ จากผู้นำ ยิ่งเป็นช่วงวิกฤต จะสั่งแบบลอยๆ ไม่ได้ ต้องรู้จักหาช่องทางให้ที่สั่งการประสบผลสำเร็จ
คิด วิเคราะห์ แยกแยะให้ได้ ก่อนจะสั่งการให้ปฏิบัติเกิดผลเป็นรูปธรรม
จะมาใช้อำนาจทุบโต๊ะ พูดไปเรื่อยแบบไม่มีอะไรรองรับ ไม่ว่าจะเป็นฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสในสิ้นปี เปิดประเทศใน 120 วัน
ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ!??
ไม่เพียงแค่นั้น เรื่องการขยายเตียงรองรับผู้ป่วย ระบบรองรับสาธารณสุข เครื่องไม้เครื่องมือ การฉีดวัคซีนคุณภาพให้บุคลากรด่านหน้า
จะแค่สั่งไม่ได้ แต่ต้องติดตามให้เกิดผลเช่นกัน
เช่นเดียวมาตรการดูแลเยียวยาประชาชนในจังหวัดที่ถูกล็อกดาวน์เพิ่มเติม
ทั้งร้านอาหารกิจการ ห้างสรรพสินค้า ที่ต้องถูกสั่งปิด คนตกงาน มีอะไรช่วยเหลือเขาไหม
ไม่ใช่สั่งล็อกดาวน์วันนี้ แต่เรื่องเยียวยา ค่อยๆ คิดว่าจะทำอย่างไรอย่างนี้ไม่ตายเพราะโควิด ก็อาจจะอดตายกันไปก่อน
นี่คือสิ่งที่ผู้นำต้องทำ ไม่ใช่ไปไล่ปิดปากคนพูดความจริง กล่าวหาว่าเป็นเฟกนิวส์
นอกจากนี้สิ่งที่ผู้นำควรมีอีกอย่างก็คือการประเมินตัวเอง ว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะทำหน้าที่หรือไม่
ควรไปต่อ หรือจะหยุด ให้คนที่เขาทำได้เข้ามาบริหาร
หากยังไม่ทบทวนถึงจิตสำนึก โอกาสที่ประเทศจะก้าวพ้นวิกฤตก็ยากเย็นเต็มที!??