ถ้ารัฐบาลไม่อยากโดนด่า!?? : ทิ้งหมัดเข้ามุม
น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับคำสั่งคุ้มครองของศาลแพ่ง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามใช้ข้อกำหนดข้อที่ 29 ที่ออกโดยคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. อันเป็นการอ้างสถานการณ์โควิด มาออกข้อกำหนดควบคุมการแสดงออกของประชาชน
โดยศาลระบุว่า ข้อกำหนดที่ห้ามเผยแพร่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ไม่ได้จำกัดเฉพาะข้อความอันเป็นเท็จ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง
เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ
อีกทั้งการกำหนดให้อำนาจระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ตของไอพี แอดเดรสที่เผยแพร่ข้อความ หรือข่าวสารในอินเตอร์เน็ตนั้น เห็นว่าในมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ให้อำนาจนายกฯ เป็นผู้ออกข้อกำหนด
จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด และการล็อกดาวน์ ที่อินเตอร์เน็ตมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
การระงับให้บริการอินเตอร์เน็ตจึงเป็นการปิดกั้นการสื่อสารของบุคคล ปิดกั้นสุจริตชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสาร ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นการให้ข้อกำหนดดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป อาจทำให้เกิดความเสียหาย ยากแก่การเยียวยาภายหลังได้
จึงมีเหตุจำเป็นที่ต้องนำวิธีชั่วคราวก่อนการพิพากษามาใช้เพื่อระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าว ห้ามใช้ข้อบังคับนี้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
เป็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ชัดเจนว่าประกาศดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ!!
กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นตัวอย่างสำคัญของความพยายามจำกัดสิทธิการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน
ทั้งที่จริงๆ แล้วยังมีกฎหมายปกติ ไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือความผิดเรื่องหมิ่นประมาทอยู่แล้ว
และให้รัฐบาลได้ตระหนักว่าหากไม่ต้องการให้ปัญหาของบ้านเมืองถูกตีแผ่ ถูกกล่าวขวัญ เรียกร้อง จนถึงขั้นก่นด่าประณามลากไส้
ก็แค่แก้ปัญหาของประชาชนให้เห็นเป็นรูปธรรม หรือถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป
สุดท้ายถ้าไม่เอาอะไรทั้งนั้น ก็ทำได้แค่ปิดหูตัวเอง
ไม่ใช่มาปิดปากประชาชน!??
รุก กลางกระดาน