ต้องรีบดับไฟ
ทิ้งหมัดเข้ามุม

การชุมนุมของคนหนุ่มสาว เรียกร้องทางการเมือง ในระยะหลังๆ ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม

มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา กระสุนยาง เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

รวมถึงความเสียหายอื่นที่เกิดจากการโต้ตอบจากผู้ชุมนุม ซึ่งมาจากความคับแค้นใจ และมีแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่าต้องการทำลาย

จะเห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่เคยมีท่าทีที่อ่อนข้อ หรือยอมรับฟังความเห็นหรือข้อเสนอจากฝ่ายผู้ชุมนุมแม้แต่น้อยนิด

ขณะเดียวกัน ก็ใช้กฎหมายดำเนินการอย่างเฉียบขาด ทุกตัวบท ทุกมาตรา ดำเนินการอย่างไม่ลดละ

ทำให้เจ้าหน้าที่มีความเหิมเกริมที่จะใช้ความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

นายวิจักษณ์ พานิช นักวิชาการอิสระ ด้านปรัชญาศาสนา เขียนถึงกรณีในต่างประเทศ สำหรับสังคมมีความขัดแย้งรุนแรง เกิดจลาจล สงครามกลาง เมือง กระทั่งไปถึงจุดที่มีความพยายามในการพูดคุยเจรจาและมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างสันติภาพและความปรองดอง








Advertisement

รัฐจะให้ความสำคัญกับ “การกระทำที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง” โดยจะแยกตัวผู้กระทำความผิดที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองออกจากผู้กระทำความผิด โดยมีเจตนาที่จะกระทำความผิดนั้นอย่างแท้จริง

เช่นมองว่า การตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วยมูลเหตุจูงใจทางการเมือง มีความแตกต่างจากการทำร้ายเจ้าหน้าที่ปกติ การเผาทำลายทรัพย์สินราชการด้วยมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่ใช่ก่อการร้าย ไม่ใช่ภัยความมั่นคง ไม่ใช่กบฏ

แต่มองลึกไปถึงมูลเหตุจูงใจทางการเมืองของการกระทำดังกล่าว

ถ้ารัฐยังย่ามใจใช้อำนาจ กลไกรัฐ และการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมดที่มีในมืออย่างเบ็ดเสร็จ ในการกดปราบประชาชนอย่างรุนแรงไร้ขอบเขต แบบนี้ไปเรื่อยๆ

ปลายทางคือจลาจลและสงคราม กลางเมืองแน่นอน

จะมีคนที่คับแค้นจนทนไม่ไหวจับอาวุธลุกขึ้นสู้และใช้ความรุนแรงตอบโต้ และจะมีประชาชนจำนวนมากถูกจับกุม ตั้งข้อหาร้ายแรง ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐหรือคนมีอำนาจสั่งการลอยนวล

หากสังคมไม่ตระหนักถึงการใช้ความรุนแรงที่ “ไม่ได้สัดส่วน” จากฝั่งรัฐที่กระทำต่อฝั่งประชาชน

เป็นข้อเสนอที่สังคมไทยต้องช่วยกันรีบดับไฟอย่างเร่งด่วน ก่อนจะสายเกินไป

เภรี กุลาธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน