คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
ยิ่งปราบม็อบยิ่งโต : น่าเป็นห่วงจริงๆ สำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมโดยเฉพาะที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ที่ใช้ชื่อว่ากลุ่มทะลุแก๊ส
ซึ่งเป็นการชุมนุมที่ไร้แกนนำ ไม่มีการสั่งการใดๆ ระหว่างกัน เป็นการรวมตัวกันแสดงออกถึงความไม่พอใจเท่านั้น
รวมทั้งแนวทางการตอบโต้จาก ฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะตำรวจควบคุมฝูงชน ที่เพิ่มมาตรการรับมือด้วยความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งการสกัดรถจยย. จนล้มคว่ำ กระบองทุบตี ไล่ยิงกระสุนยางใส่ จนเกิดบาดเจ็บกันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังที่ปรากฏเป็นคลิปเหตุการณ์เผยแพร่กันในโลกออนไลน์
จึงกลายเป็นคำถามว่าการรับมือสถานการณ์เช่นนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่
คิดว่ากลุ่มมวลชนเหล่านี้จะเลิกชุมนุม เพราะกลัวความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่!??
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะคิดอย่างไร แต่เหตุการณ์ที่เกิดก็พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่ง ว่าแม้จะมีการจับกุม ปราบปรามด้วยความรุนแรงกันทุกวัน
แต่ในวันรุ่งขึ้นม็อบทะลุแก๊สเหล่านี้ก็ยังนัดหมายมาชุมนุมกันอยู่ดี!??
แล้วจะทำอย่างไรต่อไป จะยกระดับความรุนแรงให้เพิ่มมากขึ้น ก็น่าเป็นห่วงว่าจากการบาดเจ็บ จะกลายมาเป็นการ ล้มตาย
จริงๆ แล้ว ตำรวจที่เป็นองค์กรที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดองค์กรหนึ่ง ก็น่าจะมองออกได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็น เรื่องอาชญากรรมธรรมดา หรือเป็นเรื่องการเมือง
ถ้าเป็นเรื่องการเมือง ก็ต้องใช้การเมืองแก้ แก้ที่ทัศนคติ ความ เดือดร้อนของประชาชนว่าเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่
หากคิดว่าการปราบปรามด้วยความรุนแรงจะจบปัญหาได้ ประวัติศาสตร์หลายๆ ที่ก็มีให้เห็น
รวมทั้งสถานการณ์ภาคใต้ของไทยก็ชัดว่ายิ่งปราบยิ่งโต
ที่สำคัญการยกระดับความรุนแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ ในยุคนี้สมัยนี้ มีกล้องบันทึกเอาไว้หมด มีหลักฐานชัดเจน
เหมือนกรณีที่สะพานวันชาติ เมื่อ 20 มี.ค. 64 ที่คฝ.สาดกระสุนยางใส่ม็อบ ถึงขั้นรองผบช.น.ก็ออกมาบอกแล้วว่าสุ่มเสี่ยงขัดต่อหลักสากล!!?
เท่ากับว่าสุ่มเสี่ยงจะมีความผิด มีคดีติดตัวเสียเอง จากจนท.รัฐกลายเป็น ผู้ต้องหา
จะคุ้มกันหรือไม่ ต้องทบทวนกัน ให้ดี!!