คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…มันฯ มือเสือ
กรณีม็อบจะนะ สะท้อนรัฐบาล
ครบ 1 ปี กรณีเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น หรือม็อบจะนะ คัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา กลับเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง หลังมาปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบ
ทวงสัญญาจากรัฐบาลกรณีไม่ทำตามข้อตกลง “เอ็มโอยู” ที่ลงนามเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 63 ว่าจะยุติโครงการและการแก้ไขผังเมืองไว้ก่อน จัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA เพื่อหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมร่วมกัน
ค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา ตำรวจ คฝ.จู่โจมเข้าสลายม็อบจะนะ
จับกุมผู้ชุมนุม 37 คน ในจำนวนนี้ 31 คนเป็นผู้หญิง ผู้ชาย 6 คน นำตัวไปควบคุมไว้ที่ บช.ปส. ภายในสโมสรตำรวจ
ปฏิบัติการนี้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย รวมถึงแถลงการณ์ประณามจากสมัชชาคนจน พีมูฟ สภาประชาชนภาคใต้ สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนใต้ที่เห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
หลายคนไม่เข้าใจรัฐบาลมีเหตุผลอะไรจู่ๆ ถึงทำเช่นนั้น
ทั้งที่รัฐบาลเป็นฝ่ายไม่ยึดมั่นในสัญญาที่ให้ไว้กับชาวจะนะ เมื่อพวกเขามาทวงถาม แทนที่จะเจรจาชี้แจงด้วยเหตุผล กลับสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายจับกุม
สร้างความโกรธแค้นให้ชาวจะนะในพื้นที่ ทันทีที่รู้ข่าวได้ประกาศรวมตัวชุมนุมประท้วงทันทีในวันรุ่งขึ้น
ไครียะห์ ระหมันยะ เยาวชนนักเคลื่อนไหวเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น หรือลูกสาวแห่งทะเลจะนะ พร้อมเยาวชนลูกหลานผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมร่วมกันอ่านแถลงการณ์ ตอนหนึ่งระบุ
“เราขอยืนยันแม้จะถูกจับกุมอีกกี่ครั้ง เมื่อออกมาแล้วก็จะกลับมายังทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม เราไม่ไปไหน แม้จะถูกทำลายจากกลุ่มอำนาจสักกี่ครั้งก็ตาม ภารกิจนี้ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ยืนหยัดจนถึงที่สุด”
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงจะไม่พูดตรงๆ แต่ก็ตีความได้ว่ารัฐบาลพร้อมจะ “เบี้ยว” ข้อตกลงเอ็มโอยู ที่ทำไว้ในสมัยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรมช.เกษตรฯ
เมื่อชาวจะนะต้องการปกป้องบ้านเกิด แต่กลับถูกจับกุมอย่างไร้เหตุผล
บ้านเมืองไม่สุขสงบ ก็เพราะรัฐบาลใช้อำนาจมากแบบนี้