คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย – รุก กลางกระดาน
เมื่อประยุทธ์ ไม่ใช่คำตอบ

ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าใดนัก สำหรับพรรคพลังประชารัฐยุคลุงป้อมกุมบังเหียนหัวหน้าพรรค
เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทาย ในการเลือกตั้งซ่อมที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง 3 ครั้ง และพ่ายแพ้หมดทุกครั้ง

จริงๆ แล้วที่สงขลา และชุมพร ที่พ่ายแพ้ต่อพรรคประชาธิปัตย์ก็พอจะเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่เก่าของพรรคประชาธิปัตย์

แถมเป็นการขับเคี่ยวระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกัน ใครแพ้ใครชนะก็ไม่มีผลใดๆ

แต่ว่าในสมรภูมิหลักสี่-จตุจักร ที่เพิ่งผ่านไปกลับเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พลังประชารัฐเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม แถมเปี่ยมไปด้วยอำนาจรัฐ และอำนาจทางความมั่นคง

แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย แถมที่ 2 ยังเป็นพรรคก้าวไกล ที่ยืนยันว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งคู่

แพ้กระทั่งพรรคกล้าที่เพิ่งเกิดใหม่ และมีคะแนนสูสีกับพรรคการเมืองขวาจัดอย่างไทยภักดี
ได้คะแนนมาเพียง 7,906 คะแนน

ทั้งที่แนวทางการหาเสียงก็ยังคงสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562








Advertisement

จะว่าไม่เลือกพลังประชารัฐ แต่ยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อยู่ เมื่อไปดูคะแนนของพรรคกล้าที่ประกาศหนุนพล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน และได้มา 2 หมื่นคะแนน ก็ยังไม่เพียงพอต่อชัยชนะ

แน่นอนว่ายังมีปัจจัยความขัดแย้งภายในพลังประชารัฐ เองที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งนี้

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาหลักก็คือพล.อ.ประยุทธ์ ที่เสื่อมความนิยมลงไปมาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการโรคระบาดโควิด วัคซีนที่ล่าช้า ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง แถมยังมีกระแสการซื้ออาวุธของกองทัพ

จุดเด่นเรื่องความสงบเรียบร้อยก็ยังมีกระแสต่อต้าน แม้จะลดลงก็เป็นเพราะการใช้กฎหมายกดหัว รอวันปะทุแก้แค้นเอาคืนเมื่อมีโอกาส
เหมือนที่เห็นจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา

จึงกลายเป็นคำถามกับพปชร.และพลังอนุรักษนิยมทั้งหมดว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป จะยืนหยัดกลไกเดิมๆ ประคองอำนาจเอาไว้ได้หรือไม่

แต่ที่เห็นแน่ชัดแล้วว่าเวลาของพรรคพลังประชารัฐใกล้จะหมดลงเต็มที

เช่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง!!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน